ครูหนุ่ม ใจหล่อ จาก รร.โยธินบูรณะ วิ่งจาก รพ.ทองผาภูมิ–มุ่งหน้า กทม. เป็นวันที่ 5 หาเงิน 1 ล้านบาทซื้อเครื่องมือแพทย์ พร้อมรณรงค์ต่อต้านการล่าเสือดำ และสัตว์ป่าทุกชนิด ถึงตัวตัวเมืองกาญจน์แล้ว เผยยอดบริจาคมากกว่า 3 แสนบาท
จากกรณีนายณัฐวัฒน์ โรจน์สุธี หรือนัท อายุ 35 ปี ครูสอนวิชาศิลปะ โรงเรียนโยธินบูรณะ กรุงเทพฯ ได้วิ่งออกจาก รพ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ตั้งแต่เช้าวันที่ 3 เม.ย.ตามโครงการล้านก้าว จุดประสงค์เพื่อหารายได้สมทบทุนซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ มอบให้กับโรงพยาบาลทองผาภูมิ ที่มีความจำเป็นเช่น ชุดอุปกรณ์ช่วยชีวิตทารกแรกคลอด ,เครื่องบันทึกการบีบตัวของมดลูก,เครื่องติดตามสัญญาณชีพและวัดระดับออกซิเจน,เครื่องวัดความดันโลหิต และเครื่องมืออื่นๆ รวมมูลค่าประมาณ 1,104,000 บาทนั้น
โดยเมื่อวันที่ 7 เม.ย. นางสาวนวลจันทร์ เวชสุวรรณมณี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทองผาภูมิ พร้อมด้วยคณะแพทย์และพยาบาล คอยให้กำลังใจและอวยพรให้นายณัฐวัฒน์ ประสบผลสำเร็จดังที่ได้ตั้งความหวังเอาไว้ สำหรับการวิ่งโครงการล้านก้าวครั้งนี้นายณัฐวัฒน์ ยังมีจุดประสงค์อีก หนึ่งอย่างคือ เพื่อเป็นการรณรงค์ต่อต้านการล่าสัตว์ป่าทุกชนิดอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุดเมื่อเวลา 16.20 น. นายณัฐวัฒน์ โรจน์สุธี หรือครูนัท ได้วิ่งมาถึงปั้มน้ำมัน ปตท.แก่งเสี้ยน ต.แก่งสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี และได้หยุดพักร่างกายเป็นเวลาประมาณ 45 นาทีจากนั้นได้วิ่งต่อเข้าไปภายในตัวอำเภอเมืองกาญจนบุรี โดยมีนายขวัญชัย ถิระศิลป์ คณะกรรมการบริหารมูลนิธิกู้ภัยกาญจนบุรี 1 ในทีมงานที่คอยติดตามเพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัย ให้กับครูนัท และยังคอยประชาสัมพันธ์ให้กับนักท่องเที่ยวรวมทั้งประชาชนได้ร่วมกันบริจาคเงินคนละเล็กละน้อยเพื่อสมทบทุนในการซื้อเครื่องมือแพทย์มอบให้กับโรงพยาบาลทองผาภูมิด้วย
โดยนายณัฐวัฒน์ หรือครูนัก เปิดเผยว่าก่อนตัดสินใจวิ่งเพื่อระดมทุนจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลทองผาภูมิในครั้งนี้ ต้องย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นตนเคยทำค่ายให้กับเด็กนักเรียนในพื้นที่อำเภอสังขละบุรี รวมทั้งพื้นที่อำเภอทองผาภูมิมาก่อน และจากการพูดคุยกับเด็กๆถึงยาวเจ็บป่วยจะทำอย่างไร เพราะพื้นที่ค่อนข้างห่างไกลความเจริญและทุระกันดารเป็นอย่างมาก
ซึ่งก็ทราบจากเด็กๆว่าหากเจ็บไข้ไม่มากก็ไปพบหมอที่อนามัยใกล้ๆ แต่บางเคสที่รุนแรงต้องนั่งรถยนต์เข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลในตัวเมืองเมืองกาญจนบุรี เป็นระยะทางไกลกว่า 100 กิโลเมตร ตนจึงคิดว่าชีวิตคนเรามันไม่น่าเสี่ยงกับระยะทางที่ไกลขนาดนั้น และจากการตรวจสอบก็พบว่าเครื่องมือแพทย์ที่อยู่ภายในโรงพยาบาลทองผาภูมิก็ไม่มีความพร้อม ซึ่งโรงพยาบาลทองผาภูมิเองค่อนข้างที่จะเป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่ และมีประชากรจำนวนมาก ที่เครื่องมือทางการแพทย์ที่มีอยู่ไม่เพียงพอที่จะไปสู้รบกับโรคภัยไข้เจ็บ ครั้งแรกก็ได้ฉุกคิดเอาไว้แค่นั้น เพราะต้นทุนของเราต่ำ และเครื่องมือแพทย์ในแต่ละอย่างนั้นมีราคาที่แพงมาก
ครูนัท เปิดเผยต่อว่า เริ่มต้นเดิมทีตนตั้งใจจะวิ่งเพื่อรณรงค์หยุดล่าเสือดำ และสัตว์ป่าทุกชนิด โดยจะเริ่มวิ่งที่หน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และตั้งใจจะวิ่งตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ แน่เนื่องจากตนต้องตรวจวิชาให้กับนักเรียน จึงไม่สามารถทำตามที่ต้องการได้ และรอโอกาสมาจนถึงช่วงเดือนเมษายน จึงมาเวลาที่จะวิ่งได้ ส่วนคดีความเรื่องของเสีอดำนั้น ตนจะไม่ขอก้าวล่วงเพราะคดีไปถึงชั้นอัยการแล้ว
โดยเมื่อมีเวลากับการวิ่ง จึงได้มีการคุยกับกลุ่มเพื่อนฝูงว่า ไหนๆก็จะวิ่งเพื่อเสือดำแล้ว ก็ถือโอกาสวิ่งเพื่อระดมทุนหาเงินซื้อเครื่องมือแพทย์มองให้กับทางโรงพยาบาลทองผาภูมิไปด้วยเลย ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วยจากนั้นก็ให้เพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นผู้หญิงสอบถามไปยังโรงพยาบาลว่ายังมีเครื่องมือทางการแพทย์อะไรที่ยังขาดบ้าง จึงทราบว่ายังขาดอยู่มากเช่น ชุดอุปกรณ์ช่วยชีวิตทารกแรกคลอด ,เครื่องบันทึกการบีบตัวของมดลูก,เครื่องติดตามสัญญาณชีพและวัดระดับออกซิเจน,เครื่องวัดความดันโลหิตและเครื่องมือต่างๆอีกรวมมูลค่าประมาณ 1,104,000 บาท
เมื่อทราบราคาตนก็ต้องคิดหนักว่าเงินจำนวนดังกล่าวจะหาให้กับทางโรงพยาบาลได้หรือไม่ เพราะการวิ่งครั้งนี้เราไม่ใช่คนโด่งดังอะไร จึงตั้งเป้าเอาไว้ว่า อย่างน้อยก็ขอให้ได้ซื้อเครื่องมือแพทย์ให้กับทางโรงพยาบาลได้บ้างสัก 1 เครื่อง โดยเฉพาะเครื่องที่ใช้สำหรับฟังหัวใจทารกในครรภ์ ซึ่งมีราคาประมาณ 5-6 หมื่นบาท หากได้ก็ถือว่าคุ้มแล้วกับระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร จากโรงพยาบาลทองผาภูมิไปถึงโรงเรียนโยธินบูรณะ ที่ตนสอนอยู่
โดยก่อนเริ่มต้นวิ่ง ตนและเพื่อนๆได้ไปพบกับ ผอ.โรงพยาบาลทองผาภูมิ เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับการเปิดบัญชีธนาคาร แต่เนื่องจากว่า การเบิกจ่ายของทางโรงพยาบาลค่อนข้างที่จะล่าช้า เพราะเป็นระบบราชการ และเมื่อจะไปเปิดบัญชีเองก็เกรงว่าจะมีปัญหาตามมา เพื่อป้องกันการเกิดปัญหา และเพื่อสบายใจของทุกฝ่าย ผอ.โรงพยาบาลทองภูมิ จึงออกใบรับรองให้ว่า การวิ่งครั้งนี้เพื่อนำเงินไปซื้อเครื่องมือแพทย์ให้กับโรงพยาบาลจริง จากนั้นจึงไปเปิดบัญชีที่ “ธนาคารกรุงไทย สาขาทองผาภูมิ เลขที่บัญชี718-0-33633-5 ชื่อบัญชี น.ส.พรนิยม สาลิกา เพื่อโรงพยาบาลทองผาภูมิ และทวงชีวิตเสือดำ”
โดยกลุ่มเพื่อยังได้เปิดเพจเอาไว้เพื่อให้ประชาชนช่วยกันบริจาคคนละเล็กละน้อย โดยเพจที่ตั้งขึ้นมาใช้ชื่อว่า “ล้านเก้า” โดยจะมีการอัพเดทยอดเงินที่ได้รับการบริจาคฝ่ายบัญชีธนาคารทุครั้ง และล่าสุดจากการตรวจสอบยอดเงินที่ได้รับการบริจาคเข้ามาในบัญชี มียอดเงินแล้ว 329,000 บาท ซึ่งยังไม่รวมกับเงินสดที่ชาวจังหวัดกาญจนบุรี ร่วมกันนำมาบริจาคกับตนด้วย โดยเป้าหมายที่จะวิ่งไปให้ถึงโรงเรียนโยธินบูรณะน่าจะไม่เกินวันที่ 14 เม.ย.นี้ และคดว่ายอดเงินบริจาคจะได้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน และหลังจากปิดบัญชีรับบริจาค เราจะแจ้งยอดสุทธิให้ประชาชนทราบอีกครั้งหนึ่ง