จากกรณีมีการอ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของสลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 เลข 533726 งวดประจำวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 จำนวน 1 ชุด 5 ใบ เป็นจำนวนเงินรางวัล 30 ล้านบาท ที่มีร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ เป็นผู้นำสลากไปขึ้นเงินรางวัล และนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษ ที่อ้างว่าตนเองเป็นผู้ถูกรางวัลแต่สลากฯ ชุดดังกล่าวหายไป กระทั่งเมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา สถาบันนิติวิทยาศาสตร์แถลงผลตรวจสอบดีเอ็นเอและลายนิ้วมือแฝงบนลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัล ว่า บนลอตเตอรี่มีสารพันธุกรรมของหลายบุคคลปะปนอยู่ ไม่สามารถนำไปตรวจดีเอ็นเอได้
อย่างไรก็ตามพบลายนิ้วมือแฝง 2 รอย บนสลากชุดที่ 7 และ 22 เป็นลายนิ้วมือหัวแม่มือซ้ายและนิ้วก้อยซ้ายของร.ต.ท.จรูญ หลังจากนั้น นายปรีชา ออกมาอ้างพร้อมยืนยันว่าตัวเองมีหลักฐานเด็ดเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดของธนาคารแห่งหนึ่ง สามารถจับภาพขณะมีบุคคลก้มเก็บลอตเตอรี่เจ้าปัญหาได้ จึงทำให้เรื่องนี้ยังเป็นข้อสงสัยมานานเกือบ 2 เดือน ว่าเจ้าของลอตเตอรี่ที่แท้จริงคือใคร
วันที่ 30 ม.ค. พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช รองผบช.ภ.7 ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนและสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงเรื่องสลากกินแบ่งรัฐบาลถูกรางวัล 30 ล้านบาท เปิดเผยว่า จากผลการตรวจพิสูจน์วัตถุพยานที่ส่งไปตรวจและปรากฏผลออกมาแล้วนั้น ยังมีบางประเด็นที่ยังตอบข้อสงสัยไม่ได้ จึงส่งวัตถุพยาน 1 ชิ้น ไปตรวจพิสูจน์เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมจากกองสลากฯ
โดยจะทราบผลในวันพรุ่งนี้(31ม.ค.) เพื่อนำมาประกอบสำนวนการสอบสวนให้หมดข้อสงสัย สำหรับวัตถุพยานดังกล่าวเกี่ยวกับล็อตเตอรี่ชุดถูกรางวัล ไม่ใช่ซองพลาสติกใส่ล็อตเตอรี่ เพราะทุกคนได้จับซอง ฉะนั้นไม่มีประโยชน์ในการตรวจพิสูจน์ ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะเปิดเผยได้ว่าจากพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีอยู่นั้น มีอะไรบ้าง ที่น่าเชื่อว่าล็อตเตอรี่ฉบับถูกรางวัลเป็นของผู้ใด
ขณะที่ พล.ต.ท.กิตติพงษ์ เงามุข ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่า คดีนี้นายปรีชา เข้าแจ้งความในข้อหายักยอกสลากฯ ต่อพนักงานสอบสวน ดังนั้น หากพบว่าคดีมีมูลก็จะต้องดำเนินคดีกับร.ต.ท.จรูญ ในข้อหายักยอกของตกหรือรับของโจร แต่หากพบว่าไม่มีมูลก็จะสั่งไม่ฟ้อง
ขณะนี้ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าล็อตเตอรี่ที่ถูกรางวัลเป็นของใคร ต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ขณะที่ผลตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถบ่งชี้หรือชี้ชัดได้ เพราะร.ต.ท.จรูญ เป็นผู้ถือล็อตเตอรี่นำไปขึ้นเงิน ฉะนั้นจะต้องมีลายนิ้วมือร.ต.ท.จรูญ แต่ไม่สามารถนำผลดังกล่าวมาสรุปได้ว่าล็อตเตอรี่เป็นของร.ต.ท.จรูญ
“พยานบุคคลที่มาให้การต่อพนักงานสอบสวน พบว่าคำให้การสอดคล้องกัน ไม่มีพิรุธ หรือน่าสงสัย ตำรวจไม่ได้หนักใจ ต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ดังนั้นพนักงานสอบสวนก็จะสรุปความเห็นจากพยานหลักฐานที่มีอยู่ และส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาสั่งคดี เพื่อให้ศาลเป็นผู้พิจารณาคดีต่อไป”
พล.ต.ท.กิตติพงษ์ กล่าวอีกว่า มีแนวโน้มว่าคดีนี้มีมูล แต่ไม่พบหลักฐานเป็นคลิปภาพกล้องวงจรปิดที่ปรากฏภาพบุคคลเก็บล็อตเตอรี่ที่ถูกรางวัลได้ ตามที่นายปรีชากล่าวอ้าง แต่มีพยานเห็นว่ามีคนเก็บล็อตเตอรี่ได้ตามคำกล่าวอ้างของนายปรีชา แต่ทั้งนี้ได้ตั้งข้อสงสัยว่าทำไมนายปรีชา จึงไม่ส่งคลิปหรือหลักฐานที่กล่าวอ้างให้พนักงานสอบสวนในชั้นสอบสวน แต่กลับอ้างว่าจะนำไปต่อสู้ในชั้นศาล
ซึ่งหากปรากฏคลิปดังกล่าวจริงก็จะเป็นประโยชน์ต่อนายปรีชาเอง ฉะนั้นจึงไม่ทราบว่าหลักฐานดังกล่าวมีจริงหรือไม่ แต่หากนายปรีชานำส่งให้กับพนักงานสอบสวน ก็จะต้องส่งให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ก่อนจะนำเข้าสู่สำนวน
อย่างไรก็ตามคณะกรรมการต้องการให้เกิดความยุติธรรมกับทั้งสองฝ่าย ไม่เอนเอียงเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เพื่อไม่ให้เกิดข้อกังขาและให้สังคมทราบข้อเท็จจริง และเกิดความกระจ่างในเรื่องนี้ โดยในวันที่ 31 ม.ค. เวลา 09.00 น. ได้นัดประชุมคณะกรรมการเพื่อสรุปความเห็นในคดี ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 จากนั้นเวลา 14.00 น. ตนจะเป็นผู้แถลงข่าวต่อไป
“เจ้าของล็อตเตอรี่ที่แท้จริงคือใครนั้น เรื่องนี้มีคนรู้อยู่สองคนเท่านั้น คือนายปรีชา และร.ต.ท.จรูญ และจะต้องมี 1 คนที่โกหก” พล.ต.ท.กิตติพงษ์ กล่าว