โพสต์โดย : Admin เมื่อ 2 พ.ย. 2562 06:32:47 น. เข้าชม 166461 ครั้ง
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 ต.ค. ที่หน้าอาคารัฐสภา กลุ่มครูและบุคลากรการศึกษาในนามกลุ่มรวมพลคน 38 ค.(2) สวมใส่ชุดดำ จำนวนกว่า 200 คน รวมตัวมาเพื่อยื่นเรื่องคัดค้านร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ นำโดย นายธนชน มุทาพร ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 1 ในฐานะ ประธานชมรม ผอ.เขตการศึกษาแห่งประเทศไทย เข้ายื่นเรื่องกับฝ่ายค้าน เรียกร้อง 8 ข้อ อาทิ ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542
และให้ปรับปรุงมาตราที่ไม่ทันเหตุการณ์ แทนการยกร่างทั้งฉบับ เนื่องจากร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวไม่มีครู และบุคคลกรทางการศึกษาเข้ามามีส่วนยกร่าง จึงอาจสร้างความขัดแย้งระหว่างบุคลากรทางการศึกษากับชุมชนต่างๆ ในพื้นที่ รวมถึงการยกเลิกใบประกอบวิชาชีพครู ให้มาใช้ใบรับรองความเป็นครู ซึ่งเกิดความแคลงใจในศักดิ์และสิทธิ์ว่าเทียบเท่ากันหรือไม่
ขณะที่วิชาชีพอื่นใช้ใบประกอบวิชาชีพ เช่น แพทย์ใช้ใบประกอบโรคศิลป์ วิศวกรใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม (ก.ว.) รวมถึงการเปลี่ยนชื่อ ตำแหน่ง จากผอ.สถานศึกษาเป็นครูใหญ่ โดยเฉพาะมาตร 4 ในร่าง กำหนดให้มีตำแหน่งแค่ครูและครูใหญ่เท่านั้น แต่ตำแหน่งอื่นถูกตัดทิ้งหมด หรือมาตรา 38 ให้มีองค์กรครูเรียกว่า คุรุสภา ซึ่งต้องมีตัวแทนคณะกรรมการคุรุสภามาจากครูโดยตรง
หรือมาตรา 79 ที่คณะกรรมการนโยบายการศึกษาแห่งชาติไม่ได้กำหนดให้มีกรรมการที่มาจากตัวแทนครู และบุคลากรทางการศึกษาอื่นเข้าร่วมเป็นกรรมการนโยบายการศึกษาแห่งชาติ ขาดการมีส่วนร่วมของผู้ประกอบวิชาชีพ ทั้งที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ กลุ่มดังกล่าวยังเรียกร้องให้ยุติการพิจารณาร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ โดยให้คงข้อบัญญัติบางส่วนในพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 เช่น คำว่า ใบประกอบวิชาชีพ ตำแหน่ง ผอ. ให้ยกเลิกตำแหน่งผู้ช่วยครูใหญ่ โดยให้เป็น รองผอ.การโรงเรียนตามเดิม และต้องมาจากวิชาชีพครูเท่านั้น ให้มีกรรมการจากตัวแทนครูในคณะกรรมการนโยบายศึกษาแห่งชาติในสัดส่วนที่เหมาะสม
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ในฐานะฝ่ายค้านอิสระ กล่าวว่า การยุบเลิกเป็นการแก้ไขปัญหาไม่ถูกจุด เพราะการศึกษาจะต้องกระจายอำนาจ ไม่ใช่กระจุกอยู่ที่ส่วนกลาง รัฐบาลนี้เข้ามาแก้ปัญหา หรือเข้ามาสร้างปัญหา กระทรวงศึกษาธิการไม่ใช่ที่ทดลองงาน เพราะผ่านมา 3 เดือนแล้วผลงานยังไม่ปรากฏ
นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า การแก้ไขร่างพ.ร.บ.การศึกษาฯ เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีที่จะเสนอเข้าสภา แต่ถ้าไม่ได้เสียงจากฝ่ายค้านทั้ง 7 พรรคเล็กสนับสนุน รัฐบาลไม่มีทางผ่านไปได้ ฉะนั้นหาก รมว.ศึกษาฯจะแก้กฎหมายเรื่องนี้โดยไม่คิดหน้าคิดหลังก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ เพราะเราต้องการแก้เรื่องการศึกษา ไม่ใช่ต้องการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ทุกวันนี้รัฐบาลควรแก้ปัญหาบุคลากร เช่น ครู ภารโรง แต่กลับไปแก้ที่โครงสร้างแทน ผมขอท้า ถ้าจะโหวตกันในสภารับรองไปไม่รอดแน่”
ด้านนายปรีดา บุญเพลิง หัวหน้าพรรคครูไทยเพื่อประชาชน กล่าวว่า ตนจะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมกรรมาธิการการศึกษาและจะทำให้เป็นวาระแห่งชาติให้ได้ โดยต้องให้นายกฯ เป็นประธานการแก้ไข การเมืองวันนี้ไม่มีฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล แต่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ให้สำเร็จให้ได้