เครื่องมือค้นหา
หน้าแรก » บทความด้านการศึกษา » ครอบครัวเกือบพัง! เมื่อแม่ของฉันติดการพนัน

ครอบครัวเกือบพัง! เมื่อแม่ของฉันติดการพนัน

โพสต์โดย : Admin เมื่อ 9 เม.ย. 2563 14:44:58 น. เข้าชม 166453 ครั้ง

 รับทำเว็บโรงเรียน 5900 ใช้งานได้เลย GED  |   IELTS  |   สอบ IELTS  |   สอบ TOEIC  |   CU-BEST  |   CU-TEP  |  
ครอบครัวเกือบพัง! เมื่อแม่ของฉันติดการพนัน
แจกฟรีโปรแกรมจัดตารางเรียน แจกฟรีโปรแกรมเช็คชื่อ บันทึกความดี

ดูในรายการ : บทความด้านการศึกษา ทั้งหมด

กดติดตาม Facebook และ YouTube ห้องพักครูเพื่อเป็นกำลังใจ
ครอบครัวเกือบพัง! เมื่อแม่ของฉันติดการพนัน
ครอบครัวเกือบพัง! เมื่อแม่ของฉันติดการพนัน

ครอบครัวเกือบพัง! เมื่อแม่ของฉันติดการพนัน – ในชีวิตของฉันมีสิ่งที่รู้สึกเกลียดถึงขั้นขยะแขยงแค่อย่างเดียวเท่านั้น นั่นคือการพนัน

ไม่ว่าจะหวย ไพ่ หรือแค่ปั่นแปะที่เพื่อนชวนเล่นแบบขำ ๆ ฉันก็ไม่เอาด้วย (และฉันก็ไม่ขำ) เพราะการพนันทำให้ครอบครัวของฉันเกือบจะล่มสลายมาแล้ว


ก่อนอายุ 12 ปี ฉันมีชีวิตที่มีความสุขและอบอุ่นมาก ครอบครัวของฉันร่ำรวย เรามีบ้านพักริมทะเลหลายหลัง มีบ้านในกรุงเทพฯอีก 4 – 5 หลัง มีคนทำทุกอย่างให้ ทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกคุณหนูอย่างแท้จริง


คุณแม่ของฉันทำงานเป็นเลขานุการของข้าราชการระดับสูงท่านหนึ่ง คุณแม่เป็นสุภาพสตรีที่สวยสง่า พูดจาไพเราะ ใจเย็น มีเมตตา ไม่เคยอิจฉา ไม่เคยนินทาว่าร้ายใคร แถมท่านยังชอบเข้าวัดนั่งสมาธิ ท่านจึงเป็นลูกสาวที่คุณตาคุณยายเป็นปลื้มสุด ๆ สมัยนั้นไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ พวกท่านจะเรียกหาเรียกใช้คุณแม่ของฉันเป็นคนแรก ส่วนคุณพ่อของฉัน ท่านทำงานเป็นผู้จัดการบริษัทรถยนต์นำเข้ายี่ห้อหรูแห่งหนึ่ง ตอนเล็ก ๆ ฉันไม่ค่อยสนิทกับคุณพ่อนัก เพราะท่านทำงานหนักมาก ฉันจึงสนิทกับคุณแม่มากกว่า ฉันเชื่อว่าเวลานั้นครอบครัวของเราสมบูรณ์แบบที่สุด ทุกคนรักและเข้าใจกันจนไม่น่าจะมีอะไรมาทำลายได้


จนกระทั่งเมื่ออายุ 12 ปี ฉันก็เริ่มรู้สึกว่าบางสิ่งบางอย่างเปลี่ยนไป คุณแม่ของฉันยังเป็นแม่และภรรยาที่น่ารักเหมือนเดิม แต่มีอีกอย่างที่เพิ่มเข้ามาในชีวิตท่านคือ การเข้าบ่อน ไม่ก็เข้า เว็บไซต์ริวิวคาสิโนออนไลน์  ฉันสังเกตเห็นว่า พักหลังท่านทำตัวลุกลี้ลุกลน ไปทำงานแบบรีบ ๆ ดูแลบ้านแบบรีบ ๆ แล้วก็ไปบ่อน มีอยู่ครั้งหนึ่ง ท่านไม่รู้ว่าจะฝากฉันไว้กับใคร ก็เลยพาฉันเข้าบ่อนด้วย ฉันจึงได้รู้ได้เห็นกับตาว่าบนโต๊ะพนันมีเงินเดิมพันเป็นแสน ๆ คุณแม่ของฉันก็คงจะเล่นการพนันได้และเสียครั้งละเป็นแสน ๆ เช่นกัน


ช่วงนั้นคุณแม่ของฉันเป็นหนี้บ่อนจำนวนหนึ่ง…โปรดอย่าถามฉันเลยว่าเท่าไร เพราะฉันก็ไม่รู้จริง ๆ รู้แต่ว่าหนี้ก้อนนั้นทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องขายบ้านทุกหลัง ขายรถทุกคัน ขายทรัพย์สินมีค่าทุกอย่างเพื่อใช้หนี้ จากนั้นพ่อแม่ลูกก็ย้ายออกจาก “บ้านของเรา” ไปอาศัยอยู่ใน “บ้านเช่าหลังเล็ก ๆ”

ตอนนั้นฉันยังไปโรงเรียนตามปกติ ด้วยความที่ยังเด็กและอาจเป็นเพราะฉันยังมีคุณพ่อคุณแม่อยู่ด้วย ฉันจึงไม่รู้สึกว่าตัวเองสูญเสียอะไรไป แต่แล้ววันหนึ่งบ่อนก็ส่งคนทวงหนี้มาดักรอฉันถึงหน้าโรงเรียน ซึ่งนี่คือมาตรการการทวงหนี้ขั้นต้น ๆ พอคุณพ่อคุณแม่รู้เรื่อง ท่านก็รู้ได้ทันทีว่าต่อแต่นี้ไปพวกเราคงไม่สามารถใช้ชีวิตพร้อมหน้าพร้อมตากันอย่างสงบสุขได้อีก คุณแม่จึงตัดสินใจพาฉันย้ายไปอยู่จังหวัดพิษณุโลก ในตอนนี้เองที่ฉันเริ่มเข้าใจว่าชีวิตที่ยากลำบากเป็นเช่นไร


บ้านหลังใหม่ของฉัน (หรือที่ถูกควรเรียกว่ากระต๊อบหลังใหม่มากกว่า) ทำด้วยหลังคามุงจาก พื้นสูงจากดินเพียงนิดเดียว วันดีคืนดีก็มีหอยทากคลานเข้ามาในบ้าน จากที่เคยนอนอุ่นบนเตียง ฉันต้องเปลี่ยนมานอนบนพื้นซีเมนต์ มีผ้าเพียงผืนเดียวปูนอน ต้องกางมุ้งกันยุง ต้องอาบน้ำโอ่ง ต้องใช้ส้วมซึม และจากที่เคยเรียนในโรงเรียนอินเตอร์ ฉันก็ต้องมาเรียนโรงเรียนวัด ส่วนคุณแม่ซึ่งไม่เคยทำงานใช้แรงงานและไม่เคยลำบากมาทั้งชีวิต ก็ต้องมาเป็นแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว!


ขอโทษนะคะ…ฉันไม่ได้จะบอกว่าโรงเรียนต่างจังหวัดไม่ดีและไม่ได้จะดูถูกอาชีพแม่ค้าแต่อย่างใด เพียงแต่อยากจะบอกว่า ชีวิตที่เคยสุขสบายและเลิศหรูของฉันได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ช่วงแรก ๆ ฉันรับไม่ได้เลย ฉันรู้สึกอับอายมาก โดยเฉพาะเมื่อมีพวกญาติ ๆ มาเยี่ยมตอนสุดสัปดาห์

แต่คงไม่มีวันไหนที่เด็กอย่างฉันจะรู้สึกขมขื่นมากเท่ากับวันนั้น…วันที่ฉันเดินไปเห็นขนมปังชนิดหนึ่งวางขายอยู่ในร้านขายของชำใกล้บ้าน จะว่าไปแล้วมันก็เป็นขนมปังธรรมดา ๆ ราคาไม่ได้แพงอะไรเลย ก่อนหน้านี้ฉันก็เคยกินอยู่บ่อย ๆ แต่วันนั้นพอฉันบอกแม่ว่าอยากกินขนมปัง คุณแม่กลับบอกว่า “ไม่ได้ อย่ากินเลย”


คุณอาจจะรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่วินาทีนั้นฉันรู้สึกช็อกที่สุดในชีวิต นี่มันอะไรกัน เมื่อก่อนฉันอยากกินอะไรก็ได้กิน ขนาดตุ๊กตาตัวละ 5,000 บาท คุณแม่ก็ยังเคยซื้อให้ แต่วันนี้ขนมปังแค่ไม่กี่บาท ฉันกลับกินไม่ได้ ฉันได้ลิ้มลองรสชาติของการสิ้นไร้ไม้ตอกในตอนนั้นเอง

ทว่าแม้จะลำบากลำบนอย่างไร ชีวิตก็ยังดำเนินต่อไป ฉันค่อย ๆ ปรับตัว และในที่สุดก็ชินกับชีวิตใหม่ ฉันอยู่กับคุณแม่ เรียนหนังสือไปด้วย ช่วยคุณแม่ทำงานไปด้วย พอฉันอายุ 16 ปี คุณตาก็เสียชีวิต ฉันจึงย้ายกลับมาอาศัยอยู่กับคุณยายที่กรุงเทพฯ ในขณะที่คุณแม่ไม่ได้กลับมาด้วย เพราะยังต้องหลบเจ้าหนี้อยู่ ช่วงนั้นเป็นอีกช่วงหนึ่งที่ฉันรู้สึกว้าเหว่ที่สุด

ตอนนั้นคุณแม่ที่เคยเป็นลูกรักของคุณยายกลับกลายเป็นยิ่งกว่าหมาหัวเน่า ฉันซึ่งเป็นลูกสาวของคุณแม่จึงกลายเป็นหลานที่เหมือนไม่มีตัวตนอยู่ในบ้านหลังนั้น พวกญาติ ๆ ให้เพียงที่พักคุ้มแดดคุ้มฝนเท่านั้น พวกเขาไม่เคยชวนฉันร่วมโต๊ะกินข้าว ฉันจึงต้องซื้ออาหารมานั่งกินในห้องนอนเพียงลำพัง พวกเขาไม่เคยพาฉันไปไหนมาไหนด้วยเลย แม้แต่ไปวัดก็ไม่เคยชวน

เวลานั้นความรู้สึกของฉันมีทั้งความเจ็บใจ เสียใจ แค้นใจปนเปกันไปหมด แต่ทั้งหลายทั้งปวงก็ผลักดันให้ฉันเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานและมุ่งมั่นกับการหาเงินมาก ๆ บังเอิญว่าตอนเรียนมหาวิทยาลัย ฉันได้ย้ายไปเรียนที่หัวหิน ทำให้มีอิสระเต็มที่ ฉันจึงทำงานพิเศษทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ ทั้งรับติวหนังสือ ช่วยงานรุ่นพี่ ฯลฯ ขอแค่มีงาน ฉันยอมทำทุกอย่างโดยไม่เคยเกี่ยงงอน


พอเรียนจบ ฉันไปสมัครสอบเป็นแอร์โฮสเตสทันที ทั้งที่ไม่ได้อยากทำอาชีพนี้เลย แต่คิดอยู่อย่างเดียวว่าฉันต้องทำงานเพื่อเงิน เพราะหนึ่ง ฉันอยากใช้หนี้ให้หมด สอง ฉันอยากซื้อบ้านให้คุณแม่อยู่ สาม ฉันไม่อยากให้คนอื่นมาดูถูกฉันและคุณแม่อีก สี่ ฉันอยากกินอยากใช้อย่างสุขสบายบ้าง และอยากมีเงินไว้ดูแลคุณแม่


ช่วงหลังจากเรียนจบนี้เองที่ฉันกับคุณพ่อได้กลับมาใกล้ชิดกันอีกครั้ง เพราะที่ผ่านมาคุณพ่อก็ล้มลุกคลุกคลานหาวิธีทำธุรกิจไม่มีเวลามาดูแลฉัน ทำได้เพียงส่งเงินค่าเทอมมาให้ ฉันกับคุณพ่อช่วยกันหาเงินใช้หนี้ให้คุณแม่ ช่วยกันผ่อนบ้าน จนในที่สุดเราก็มีบ้านเป็นของเราเอง และสามารถรับคุณแม่มาอยู่ด้วยกัน


แต่อะไรที่ทำท่าว่าจะดีก็กลับล่มสลายลงอีกครั้ง เช้าวันหนึ่งคุณแม่บอกเราพ่อลูกว่า ท่านเป็นหนี้บ่อนถึงห้าล้านบาท ฉันกับคุณพ่อฟังแล้วก็แทบทรุด ตอนแรก ๆ ฉันอยากขายบ้านเพื่อใช้หนี้ให้คุณแม่ แต่เมื่อปรึกษากันแล้ว ก็ตกลงกันว่าเราจะไม่ขายบ้าน แต่จะหาวิธีผ่อนใช้ไปเรื่อย ๆ ฉันกับคุณพ่อจึงต้องทำงานหาเงินใช้หนี้กันต่อไป กระทั่งปลดหนี้ให้คุณแม่ได้ในที่สุด หลังจากนั้นครอบครัวของเราก็เริ่มลืมตาอ้าปากได้ ฉันออกจากงานเก่าแล้วมาทำงานที่ตัวเองชอบ คุณแม่เริ่มกิจการค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่วนคุณพ่อก็กำลังวางแผนจะเปิดโรงงานเล็ก ๆ ของตัวเอง


ชีวิตของเรากำลังจะกลับมาดีเหมือนเดิม…แต่สิ่งที่ฉันไม่อยากให้เหมือนเดิมเลยคือ การเข้าบ่อนของคุณแม่!

คุณแม่มักจะหายตัวไปจากบ้านบ่อย ๆ แม้ฉันจะรู้ดีว่าคนที่ติดการพนันคงไม่สามารถเลิกได้ง่าย ๆ แต่กระนั้น ฉันก็ขอร้องคุณแม่ทั้งน้ำตา เคยถามท่านว่า “ระหว่างหนูกับบ่อน แม่รักใครมากกว่า…แม่ไม่เล่นการพนันได้ไหม ทำเพื่อหนูไม่ได้หรือ” ซึ่งคุณแม่จะตอบว่า “แม่เลิกแล้ว” ทุกครั้ง แต่เอาเข้าจริง ๆ ท่านก็ยังคงเล่นอยู่ แต่ด้วยความกลัวบาป ฉันจึงไม่เคยโกรธท่านจริง ๆ จัง ๆ เลยสักครั้ง และโดยปกติฉันก็พยายามจะไม่ทะเลาะกับท่าน ทว่ามีอยู่ครั้งหนึ่ง ด้วยความเหนื่อยและความโกรธ ฉันเผลอตะคอกใส่ท่านว่า “หนูไม่ไหวแล้วนะ รู้ไหมว่าถ้าหนูไม่มีแม่ หนูจะเจริญกว่านี้!”

พอพูดออกไปแล้วฉันก็รู้สึกเสียใจ คุณแม่นิ่งอึ้ง ไม่โต้ตอบใด ๆ ทั้งสิ้น ส่วนคุณพ่อซึ่งได้ยินเข้าพอดีก็บอกฉันว่า “ทีหลังอย่าพูดอย่างนี้ เพราะแม่จะเสียใจ”


แม้ฉันจะกังวลถึงหนี้สินและปัญหาต่าง ๆ ที่อาจจะตามมาไม่จบไม่สิ้น แต่ฉันก็ทำใจว่าแม่ก็คือแม่ ท่านจะเป็นอย่างไรฉันก็ต้องยอมรับให้ได้ ฉันไม่ได้บอกให้ท่านเลิกเล่นการพนัน เพราะรู้ว่าคงเป็นไปไม่ได้ แต่ฉันบอกตรง ๆ ว่า ถ้าถึงขั้นต้องขายบ้านใช้หนี้อีก ฉันก็คงไม่ไหวแล้ว ทุกวันนี้จึงได้แต่คอยเตือนสติท่านว่า “เสียพันกลับนะแม่…เสียหมื่นกลับนะแม่…อย่าเล่นเยอะเกิน”

ชีวิตที่ไม่ราบเรียบให้บทเรียนกับฉันหลายอย่าง อย่างน้อยความลำบากก็สอนให้ฉันเป็นฉันอย่างทุกวันนี้…มันสอนฉันว่า ไม่ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร เราก็ต้องก้าวเดินต่อไปอย่างเข้มแข็ง

 

คำแนะนำจากพระอาจารย์ไพศาล วิสาโล

ไม่ว่าอะไรก็ตาม เมื่อเกิดขึ้นแล้วเราควรยอมรับมันให้ได้ ขณะเดียวกันก็รู้จักใช้ประโยชน์จากมัน การที่คุณตระหนักว่าความยากลำบากในชีวิตที่ผ่านมาทำให้คุณเข้มแข็ง ไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ เป็นสิ่งที่น่าอนุโมทนา จะว่าไปแล้ว จากที่คุณเล่ามา ทั้งคุณและคุณพ่อมีความพยายามในการประคับประคองชีวิตครอบครัวไม่ให้ล่มสลาย แม้จะมีปัญหาจากคุณแม่ไม่ขาด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมมาก คำแนะนำของคุณพ่อที่ว่า อย่าใช้อารมณ์กับแม่หรืออย่าพูดให้ท่านเสียใจนั้น เป็นสิ่งที่คุณควรใส่ใจอย่างยิ่ง หาไม่อาจเกิดผลร้ายแรงตามมาชนิดที่คุณต้องเสียใจไม่มีวันลืม

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่คุณแม่ติดการพนันอย่างหนักนั้น เป็นปัญหาที่อาตมาคิดว่าน่าจะแก้ได้หรือบรรเทาได้ ไม่ควรนิ่งดูดาย คนที่สามารถเลิกเล่นการพนันได้มีอยู่มากมาย คุณควรปรึกษาบุคคลเหล่านั้น หรือหากจำเป็นก็ควรปรึกษาจิตแพทย์ อาตมาคิดว่า คุณแม่เองก็รู้ว่าการติดพนันนั้นไม่ดีแต่อดใจไม่ได้ การบำบัดทางจิตหรือการเปลี่ยนสถานที่ไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไกลบ่อนมาก ๆ น่าจะช่วยได้ นอกจากนั้นการศึกษาให้รู้ชัดถึงพฤติกรรมการเล่นพนันของคุณแม่อย่างละเอียด เช่น ไปเล่นที่ไหน มีใครชวนไปบ้าง มีเพื่อนร่วมก๊วนหรือไม่ น่าจะช่วยให้คุณเห็นแนวทางในการยับยั้งท่านไม่ให้ทำตามอำนาจของผีพนัน บางทีอาจต้องขอความร่วมมือจากคนที่อยู่ใกล้ชิดคุณแม่หรือเพื่อนคนอื่น ๆ ของท่านที่ไม่เล่นการพนันอีกแรงหนึ่งด้วย

 

ที่มา  นิตยสาร Secret


☰กดไลค์หรือแชร์ เรื่องนี้ให้เพื่อนรู้ >>>

เว็บไซต์ห้องพักครูดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
กดติดตาม YouTube ห้องพักครูเพื่อเป็นกำลังใจ
แจกฟรีโปรแกรม ปพ.5 ล่าสุด แจกฟรีโปรแกรมเช็คชื่อ บันทึกความดี

เนื้อหาแนะนำ บทความด้านการศึกษา


คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ ? ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณได้เลย !


วิธีการดาวน์โหลด สือการสอน แผนการสอน

จำหน่ายแผนการสอน ป.1-ม.6 ล่าสุด


หมวดหมู่ : บทความด้านการศึกษา

รวมหนังสือเตรียมสอบ





ข่าว ล่าสุด

GED  |   chulatutor  |   สอบ IELTS  |   สอบ TOEIC  |   IELTS  |   TOEIC  |  

ติดตามเรา Facebook