นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรงค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการสวัสดิการสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยว่า ในการประชุมผู้บริการสำนักงานสกสค. เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ประชุมหารือ ถึงการบริการจัดการต่าง ๆ ภายในสำนักงานสกสค. ซึ่งขณะนี้พบว่า จำนวนสมาชิกโครงการสวัสดิการเงินกู้การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา(ช.พ.ค.)ลดลง จากเดิม มีสมาชิกสูงสุดประมาณ 9.8 แสนราย เหลือเพียง 9.4 แสนราย ทั้งนี้พบว่า จำนวนสมาชิกที่ลดลงมาจากหลายปัจจัย ปัจจัยหนึ่งคือ การลดคุณสมบัติผู้กู้ จากปีแรกกำหนดให้ต้องมีอายุ 55 ปีขึ้นไป ต่อมาเพิ่มว่า ต้องเป็นสมาชิกไม่ต่ำกว่า 20 จากนั้นบดลงเหลือ10 ปี เพื่อให้มีผู้กู้เพิ่มขึ้น จนสุดท้ายกำหนดว่า เป็นสมาชิกเพียง 6 เดือนก็สามารถกู้ได้ ทำให้ช่วงนั้นมีผู้มาสมัครเป็นสมาชิกจำนวนมาก ซึ่งคนที่มาสมัครส่วนใหญ่เพราะต้องการกู้เงิน ทั้งนี้บางคนคุณสมบัติไม่ครบ ก็ลาออกไปจำนวนมาก ขณะเดียวกัน สมาชิกเดิมที่มีอายุมากก็เสียชีวิตลง ประกอบกับทางโครงการช.พ.ค. เองก็ไม่ได้เปิดรับสมัครสมาชิกใหม่มาระยะหนึ่ง
“ที่ผ่านมา ได้ยินมาบ้างว่ามีคนห่วงใยเรื่องนี้ แต่เมื่อดูตัวเลขแล้ว ก็คิดว่าจำนวนสมาชิกที่ลดลง ไม่มากนักอย่างที่มีผู้กังวล แต่ทางสกสค.ก็ต้องแก้ไข โดยจะเร่งประชาสัมพันธ์ ไปยังผู้ที่มีคุณสมบัติ ให้มาสมัครเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้น เช่น กลุ่มครูผู้ช่วย ทั้งนี้ทิศทางการประชาสัมพันธ์ คงไม่ใช่การประกาศว่า เป็นสมาชิกแล้วจะมีสิทธิ์ได้กู้เงิน แต่อยากให้คนที่สนใจ อยากมาสมัครเห็นประโยชน์ว่า โครงการนี้ เป็นโครงการที่ดี ได้ช่วยเหลือเพื่อนครู “นายพินิจศักดิ์ กล่าว
เลขาธิการสกสค. การต่อว่า ส่วนความคืบหน้าการจัดทำร่างบันทึกข้อตกลงหรือเอ็มโอยู กับธนาคารออมสินเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ซึ่งที่ผ่านมาทางสกสค.และธนาคารออมสินบรรลุข้อตกลง กรณีที่ธนาคารออมสินจะนำเงิน 0.5-1% ซึ่งเคยส่งคืนเข้ากองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคง ตามช.พ.ค. โดยนำไปลดดอกเบี้ยให้กับครูที่มีวินัยทางการเงินเป็นรายเดือนนั้น ขณะนี้มีรายละเอียดหลักเกณฑ์ในข้อตกลงลางข้อที่ยังไม่ได้ข้อสรุป เช่น การลดดอกเบี้ย วิธีการลดดอกเบี้ย ที่ยังไม่ครอบคลุม จึงให้ไปจัดทำรายละเอียดใหม่ ซึ่งจะเร่งให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อลงนามให้ในเอ็มโอยูให้ได้ภายในเดือนเมษายนนี้ เป็นของขวัญให้เพื่อนครูทันเปิดภาคเรียนปีการศึกษา 2561 นี้
ที่มา : มติชนออนไลน์