สลด! พิษโควิด หาเงินใช้หนี้ไม่ทัน ครูสาวเครียดจัดผูกคอตายคาบ้าน

โพสต์โดย : Admin เมื่อ 3 พ.ค. 2564 11:52:08 น. เข้าชม 166459 ครั้ง

เศร้าสลด! พิษโควิดกระทบหนัก หาเงินใช้หนี้ไม่ทัน ครูสาวเครียดจัดแก้ไม่ตก ตัดสินใจผูกคอดับคาบ้าน พร้อมเขียนจดหมายบอกสาเหตุลาตาย

เศร้าสลด! พิษโควิดกระทบหนัก หาเงินใช้หนี้ไม่ทัน ครูสาวเครียดจัดแก้ไม่ตก ตัดสินใจผูกคอดับคาบ้าน พร้อมเขียนจดหมายบอกสาเหตุลาตาย

เมื่อเวลา 06.53 น. วันที่ 3 พฤษภาคม 2564 พ.ต.ท.ธนะสิทธิ์ อุดมพรวรชัย สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชัยภูมิ รับแจ้งจากทาง 191 ตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ว่ามีเหตุบุคคลผูกคอเสียชีวิต ภายในบ้านพักเลขที่ 220 หมู่ที่ 3 ตำบลนาฝาย อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ จึงรุดไปตรวจที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์โรงพยาบาลชัยภูมิ และ หน่วยกู้ภัยสว่างคุณธรรมชัยภูมิ

ในที่เกิดเหตุภายในตัวบ้านห้องนอนชั้น 2 พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 ราย อยู่ในสภาพนั่งแขวนคอกับหน้าต่างของตัวบ้านด้วยผ้าพันคอ สวมเสื้อสีเทา กางเกงขายาวสีดำ ทราบต่อมาชื่อ นางฐิติมา พลอาชีพ อายุ 42 ปี อาศัยบ้านเลขที่ดังกล่าว ซึ่งมีอาชีพเป็นครูสอนอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใกล้กันยังพบสมุดและกระดาษเขียนระบุข้อความสั่งลาตายไว้ บอกให้ผู้เป็นพ่อซึ่งเป็นตาของลูกสาว อย่าให้ลูกสาวชื่ออินดี้ เข้ามาเห็นศพของตนผู้เป็นแม่ในสภาพดังกล่าวด้วย

อีกทั้งยังพบขวดเหล้า โทรศัพท์มือถือ สมุดโรงเรียน และ เศษผ้าที่ใช้ผูกคอ อีกทั้งภายในสมุดเขียนลาตายไว้จำนวนหลายหน้า และยังเขียนระบุสาเหตุการเป็นหนี้รายวัน โดยแบ่งให้เจ้าหนี้รายวัน 3% หลังจากที่เคลียร์ตนเองเสร็จ อีกทั้งยังบอกให้พ่อและแม่ไม่ต้องจัดงานศพของตนอีกด้วย ให้ทำแบบเรียบง่ายพอ

สอบถามไปยัง นางสายยน โวหาร อายุ 65 ปี ซึ่งเป็นแม่ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ลูกสาวของตนในช่วงนี้ที่เป็นช่วงโควิด-19 ระบาด เคยบ่นเงินททองก็หายากมากขึ้น จนเห็นมีอาการความเครียด นั่งเหมือนคนคิดมากอยู่คนเดียวบ่อยครั้ง เพราะช่วงนี้ลูกมีปัญหาส่วนตัวมานานแล้ว ก่อนที่จะไม่คาดคิดว่าลูกสาวจะมาคิดสั้นจนผูกคอดังกล่าวครั้งนี้ขึ้น

ด้าน พ.ต.ท.ธนะสิทธิ์ อุดมพรวรชัย สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชัยภูมิ หลังได้เข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์โรงพยาบาลชัยภูมิร่วมชนสูตรพลิกศพ ได้เข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุและสอบถามไปยังญาติว่าติดใจการเสียชีวิตในครั้งนี้หรือไม่ ญาติไม่ติดใจการเสียชีวิตเนื่องจากมีจดหมายในสมุดจำนวนหลายหน้าระบุชัดเจน ก่อนมอบร่างให้ญาติรับไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป

ขอบคุณที่มา :  https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/935850