หวยอลเวง 30 ล้านยังไม่จบ ล่าสุดรายการโหนกระแสวันที่ 19 เม.ย. ดำเนินรายการโดยหนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.20 น. ทางช่อง 28 ได้เปิดใจสัมภาษณ์ “ครูปรีชา ใคร่ครวญ” พร้อม “ทนายวรยุทธ บุญวงษ์ใส” ทนายครูปรีชา ซึ่งในวันนี้ทั้งคู่เผยว่ามั่นใจในประจักษ์พยาน พร้อมเผยหลักฐานเด็ด
วันนี้เป็นยังไงบ้าง?
ปรีชา : “ก็เป็นเกียรตินะครับ ที่วันนี้คุณหนุ่มเชิญมานั่งตรงนี้อีกครั้ง วันนี้ก็ปรีชามาแล้วจ๊ะ”
วันนี้ทางอัยการเองได้ส่งสำนวนคืนไปที่กองปราบ กองปราบก็ต่อให้ปปช. ไปจัดการ เพราะตอนแรกโดนเรื่องแจ้งความเท็จ?
ทนาย : “จริงๆ มีสองเรื่อง แต่เมื่อวานที่พนักงานอัยการแถลงเป็นเพียงเรื่องเดียวที่เราถูกกล่าวหาเป็นผู้ต้องหาร่วมกับเจ๊บ้าบิ่น ในคดีแจ้งความเท็จ กลั่นแกล้งคนอื่นก็ว่ากันไป เมื่อวานนี้จากการที่มีคำสั่งให้ส่งคืนไปเอาไปให้กับหน่วยงานที่ถูกต้อง คือปปช. เป็นผู้พิจารณาวินิจฉัยอีกครั้งหนึ่ง”
เรื่องนี้เป็นผลดีมั้ย?
ปรีชา : “ในความรู้สึกตัวเองเป็นผลดีและดีใจนะครับ นั่นหมายความว่าอัยการสั่งไม่ฟ้อง ส่งสำนวนคืนมากองปราบ และกองปราบส่งคืนมาปปช. นั่นหมายความว่าเราได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น”
หมายความว่าไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่?
ปรีชา : “ใช่ครับ”
ทนาย : “ก็ถูก ในส่วนพนักงานที่มีคำสั่งมันเป็นปัญหาข้อกฎหมาย เขาไม่ได้เรียกปัญหาข้อเท็จจริง ในส่วนปัญหาข้อเท็จจริงนั้น ใครผิดใครถูกพนักงานอัยการท่านยังไม่มีคำสั่ง ยังไม่ได้วินิจฉัยเนื้อเรื่องเลย เพียงแต่ว่ากองปราบตีกลับมาก็ไม่ผ่านข้อกฎหมายแล้ว ก็ตีสำนวนกลับไปให้ปปช. ไปพิจารณาใหม่”
อัยการไม่รับตามภาษาชาวบ้าน?
ปรีชา : “ถูกต้องครับ”
ข้อหาที่โดนดูฉกาจฉกรรจ์อยู่เหมือนกันนะ ข้อหาไปสนับสนุนการทุจริต?
ทนาย : “คนก็มองดูว่าเป็นการเพิ่มข้อหา แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ พนักงานอัยการมองว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิดแล้วการแจ้งความโทษวันนั้นทั้งสองสำนวนก็ดี ถือว่าเป็นการกระทำความผิดหลายบท ซึ่งเป็นภาษากฎหมาย ชาวบ้านเข้าใจยากนิดหนึ่ง แต่เป็นการทำครั้งเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทหลายตอน ดังนั้นเมื่อมีเจ้าหน้าที่คือท่านผู้การเป็นหลักเป็นต้นเรื่องเป็นมูลเหตุ ทางนี้อัยการเลยต้องส่งไปที่ปปช.”
เท่ากับเราไปสนับสนุน ให้ทางผู้การกระทำความผิด?
ทนาย : “ในส่วนที่ว่าสนับสนุน จริงๆ แล้วมันเป็นเนื่องจากว่าครูก็ดี เจ๊พัช เจ๊บ้าบิ่นก็ดีที่ถูกกล่าวหาร่วมกัน เขาเป็นราษฎร แล้วไม่มีตำแหน่งหน้าที่ราชการเหมือนท่านผู้การ ดังนั้นจึงไม่มีสิทธิ์ถูกกล่าวหาเป็นตัวการได้ กฎหมายเลยถือว่าให้เป็นผู้สนับสนุนเท่านั้นเอง ก็รับโทษสองในสาม ถ้าฟังว่าผิด”
ย้อนถามครูปรีชา คิดว่าเรามีข้อมูลอะไรในการให้ปากคำปปช.?
ปรีชา : “ข้อมูลคือข้อเท็จจริงเราเป็นชาวบ้านคนหนึ่งเดินไปหาพนักงานสอบสวนเพื่อไปแจ้งความว่าลอตเตอรี่ตัวเองหาย พนักงานสอบสวนถามอะไร ก็ตอบไปตามความเป็นจริง ตอบเสร็จพนักงานสอบสวนก็เอารายละเอียดมาให้อ่านว่าตรงมั้ย ผมก็อ่านทุกบรรทัด ก็ตรงตามคำที่เราตอบ พนักงานสอบสวนว่าผมถามครู ครูตอบตามนี้มั้ยครับ นั่นก็คือตอบตามข้อเท็จจริง เซ็นชื่อกำกับ ทำไปทำมาเรากลายเป็นแจ้งความเท็จ เป็นผู้ต้องหา ก็อยากจะถามว่าใครเท็จกันแน่”
หมายถึงใคร?
ปรีชา : “ก็ถามคุณหนุ่มว่าคือใคร ผมก็ตอบตามความเป็นจริง แล้วเรื่องที่เราตอบมากลายเป็นว่าเราโดนแจ้งความ”
น้อยเนื้อต่ำใจ?
ปรีชา : “รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเป็นอย่างยิ่ง ในฐานะชาวบ้านนะ ไม่ต้องในฐานะเป็นครู ชาวบ้านคนหนึ่งเดินทางไปสภ.เมืองกาญจน์เพื่อแจ้งความ พนักงานสอบสวนก็รับบันทึกข้อความโน่นนี่นั่น”
ทางสอบสวนกลางเขาบอกว่ามีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์พิสูจน์ออกมา จะมีอะไรไปหักล้างเขา?
ทนาย : “ในส่วนพยานหลักฐานของกองปราบ ในส่วนตัวนั้นพยานหลักฐานที่เราจะเอามาต่อสู้มีอยู่แล้ว เตรียมไว้แน่นอน แต่ว่าอยากให้คุณหนุ่มสังเกตว่าข้อวินิจฉัยของกองปราบกับภาค 7 วินิจฉัยมันแตกต่างกัน เท่าที่ทราบทางกองปราบได้ส่งคนในหน่วยเขาไปร่วมสอบสวนกับภาค 7 ด้วย ในข้อหาที่เราแจ้งหมวดจรูญว่าเป็นผู้กระทำความผิด เรื่องที่กาญจนบุรี เราแจ้งความเขาว่าลักทรัพย์ ยักยอกทรัพย์ ก็ว่ากันไป แต่ที่กองปราบเป็นเรื่องที่ทางหมวดจรูญมาแจ้งความครูกับเจ๊บ้าบิ่นว่าแจ้งความเท็จ กลั่นแกล้งคนอื่นอะไรก็ว่าไป ตรงนี้ก็มีสองสำนวนแยกกัน”
“ดังนั้นข้อเท็จจริงในมูลเหตุแห่งคดี มีเพียงหนึ่งเดียว มีจริงกับมีเท็จ ดังนั้นสิ่งที่เราไปแจ้งความก่อน แล้วภาค 7 โดยกองปราบเองส่งเจ้าหน้าที่ตัวเองเข้ามาร่วมสอบสวนด้วย แล้วสรุปว่าหวยเป็นของครู ตั้งแต่แรก ตอนนี้ผมก็มีคำถามไปที่กองปราบ ข้อหาที่เราแจ้งความแล้วภาค 7 เขาตั้งข้อหาแล้ว แล้วเรียกทางหมวดจรูญมารับทราบข้อกล่าวหา ในฐานะผู้ต้องหา ถามว่าได้มีการรับทราบข้อกล่าวหากันมั้ย ได้มีการเรียกมารับทราบข้อกล่าวหากันหรือเปล่า หรือยังไง”
นี่ไงถึงได้มีคำสั่งให้มีการตรวจสอบทางผู้การจังหวัดว่าทางเราเองได้มีการไปบิดสำนวน?
ทนาย : “ตรงนี้คุณหนุ่มอาจเข้าใจผิด เรื่องนั้นเป็นอีกคดีหนึ่ง ผมกำลังพูดถึงคดีที่ทางคุณครูแจ้งความแต่แรก ส่วนที่พูดถึงผู้การเป็นเรื่อง 157 คือแยกไป ที่ปปช. ส่งเรื่องให้ปปช. แล้ววันนี้เรื่องหมวดจรูญส่งมาที่อัยการ อัยการส่งกลับมาที่กองปราบ เพื่อส่งไปที่ปปช.เพื่อร่วมกัน ความหมายของผมคือมันต้องแยกกัน แต่ข้อเท็จจริงคือหนึ่งเดียวกัน”
ก็ต้องไปสู้กัน?
ทนาย : “ถูก แต่สิ่งที่ทางคุณครูตั้งข้อหาเป็นครั้งแรก แล้วภาค 7 โดยกองปราบเข้ามาร่วมดำเนินการด้วย แล้วมีคำสั่งว่าให้แจ้งข้อกล่าวหา แล้วเรียกหมวดจรูญเข้ามารับทราบข้อกล่าวหานั้น แล้วมีการเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาแล้วหรือยัง ก่อนที่จะมีคำสั่งไม่ฟ้องส่งมาที่อัยการ ซึ่งสำนวนนั้นตอนนี้ได้มีคำร้องขอความเป็นธรรม แล้วอัยการท่านก็กรุณาสั่งให้พนักงานสอบสวนโดยกองปราบสอบสวนเพิ่มเติมพยานที่ผมขอเข้าไปแล้ว ณ เวลานี้”
ปรีชา : “ขอเพิ่มนิดหนึ่งครับ ในการที่ภาค 7 ได้แถลงว่าลอตเตอรี่เป็นของครู แล้วให้หมวดจรูญมารับทราบข้อกล่าวหา แล้วจู่ๆ คดีก็ถูกโอนย้ายไปอยู่กองปราบ ตอนแรกกองปราบก็มาร่วมกันทำงานและมาสอบผมเป็นเดือนๆ”
ครูหมายถึงมีพิรุธหรือแปลกๆ เหรอ?
ปรีชา : “ก็วันนั้นพนักงานกองปราบก็อยู่ด้วย แล้วสรุปว่าลอตเตอรี่เป็นของครู แล้วอยู่ๆ วันหนึ่งผมกลายเป็นผู้ต้องหา”
นี่คือสิ่งที่สงสัย?
ปรีชา : “สงสัย ไม่เห็นพ้องกับการทำงานของกองปราบ”
รู้สึกว่ามีลับลมคมในหรือยังไง?
ปรีชา : “คือคิดว่าอาจจะยังต้องมีการเพิ่มเติมในเรื่องของพยานหลักฐานต่างๆ ที่จะให้กองปราบได้รับทราบ”
ตอนนี้เตรียมพยานไว้กี่ปากในคดีแพ่ง?
ปรีชา : “เตรียมไว้ 15 ปาก”
อาญาล่ะ?
ทนาย : “ตอนนี้วางไว้ในชั้นไต่สวน 10 ปาก”
ทราบมั้ยว่าเมื่อเช้าทางทนายตั้มและลุงจรูญได้ไปร้องศาลว่าคุณไปเบิกความเท็จตอนไปขอไต่สวนฉุกเฉินและขอคุ้มครองเงิน 24 ล้านเอาไว้ชั่วคราว?
ปรีชา : “เขาไปแจ้งก็เป็นสิทธิ์ของเขา เขาใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย”
มั่นใจหรือเปล่าว่าเจ๊บ้าบิ่นเป็นคนขายให้เราแน่นอน?
ปรีชา : “มั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ครับ”
ทนาย : “ในส่วนของการที่ไปฟ้องร้องเอง เป็นเจตนาที่ไม่สุจริต เจตนามุ่งหวังในการฟ้อง ก็เห็นอยู่แล้วว่าในวันที่ 1 พ.ค. จะขึ้นศาล ลักษณะการฟ้อง เหตุการณ์นี้เกิดเดือนธันวาคม แต่คิดจะมาฟ้องเอาตอนนี้ การฟ้องมุ่งหวังฟ้องพยาน ถ้าความเห็นของผม เป็นการฟ้องข่มขู่พยานของฝ่ายโจทก์ที่จะต้องมาขึ้นศาล เป็นลักษณะใช้สิทธิ์เพื่อข่มขู่พยาน เพราะการฟ้องลักษณะแบบนี้ฟ้องพยานและบอกว่าเบิกความเท็จ มีกำหนดโทษมาด้วยในสิ่งที่เขาลง เจตนาจริงๆ เขามุ่งหวังฟ้องข่มขู่พยานฝ่ายโจทก์ ไม่ให้มาขึ้นเบิกความในฐานเพื่อให้เกิดความกลัว ถ้าเจตนาสุจริตเหตุเกิดตั้งแต่เดือนธ.ค.แล้ว เหตุใดก่อนขึ้นศาลเพียง 10 วันถึงมาฟ้อง นี่คือข้อสังเกตนะครับ”
“ประเด็นที่สอง ถ้าจะมุ่งหวังฟ้องเพื่อให้สิทธิ์จริงๆ คุณครูไปฟ้องวันที่ 5 เมษา เขามีสิทธิ์ฟ้องกลับคุณครูได้เลย เขาใช้สิทธิ์ฟ้องคดีนี้คนเดียวได้ แต่เขาใช้สิทธิ์ฟ้องพยาน 2 ปากด้วย นั่นหมายความว่าเห็นเจตนาชัดเจนว่าไม่สุจริต มุ่งหวังข่มขู่พยานให้เกิดความกลัวในการไปเบิกความต่อศาล นี่คือความเห็นผม”
แล้วเราจะทำยังไง?
ทนาย : “ไม่เป็นไร ถ้าเขาฟ้องวันนี้ เขาก็ต้องส่งหมาย ต้องมีกำหนดวันนัด พอถึงวันนัดเราก็ฟ้องกลับ แค่นั้นเอง”
จะฟ้องกลับข้อหาอะไร?
ทนาย : “ฟ้องกลับในข้อหาฟ้องเท็จไง คุณรู้อยู่แล้วว่าหวยไม่ใช่ของคุณ คุณไปฟ้องเขาเบิกความเท็จ นั่นหมายความว่าคุณกลั่นแกล้งเขาให้ได้รับโทษ เขาฟ้องอาญาหรือเปล่า โทษหนักเท่าไหร่”
วันนี้ทางทนายมาดูแล มีประเด็นถาโถมว่าคุณเหมือนทนายนักเลง?
ทนาย : “ผมไม่ใช่ทนายนักเลง ผมไม่ได้ก้าวร้าวใคร คนเข้ามาด่าผมในเฟซ ผมก็ไม่เคยไปว่า ผมพูดคำหยาบไม่ได้ครับ ไม่เคยพูดคำหยาบเลย ผมไม่ใช่นักเลง สิ่งที่ผมทำคือผมทำตามตัวบทกฎหมาย ผมพยายามบอกว่าหน้าที่ทนายความ คือการนำข้อเท็จจริงนำเสนอต่อศาลแค่นั้นเอง หน้าที่อย่างอื่นผมไม่มี”
พยาน 15 ปาก ของแพ่ง คนพูดเยอะว่าเป็นพยานเท็จ คุณไปจ้างมา?
ปรีชา : “อยู่ในเพจเยอะมาก หาว่าเราปั้นพยานเท็จ ถามคุณหนุ่มหน่อยเถอะเงินอยู่ที่ใครตอนนี้ เงินอยู่ที่ศาล แล้วอยู่ที่ไหนอีก แล้วผมเอาอะไรไปจ้างเขา”
คุณอาจตกลงกันไง?
ปรีชา : “พยาน 15 ปาก 20 ปาก คนละแสนเขาจะเอามั้ย ถามคุณหนุ่มหน่อย จนคดีสิ้นสุดนะครับกว่าจะได้ เพราะมีความเสี่ยงติดคุกสูงมากเลย เท้าข้างหนึ่งอยู่ในคุก พยานจ้าง 5 แสนคุณหนุ่มจะเอามั้ย 15 คนเป็นคนเท่าไหร่ เจ็ดล้านห้า ห้าแสนบางคนก็ไม่เอา คนที่โพสต์เรื่องนี้เอาสมองส่วนไหนคิดว่าจะไปจ้างพยาน ไม่มีคนเอาหรอกครับ นอกจากเขาเจอเหตุการณ์จริงๆ ทำไมคนมาช่วยผมเยอะ สงสัยมั้ยครับ เพราะเขาเห็นเหตุการณ์ ผมเป็นคนไม่เหมือนคนอื่น จะดีกับทุกคน”
“ไปตลาดนัดบางร้านไม่อยากซื้อ ไม่มีธุระต้องซื้อ จะเจอแม่ค้า เจอลูกค้าก็คุยกัน วันนั้นลอตเตอรี่ก็คุยกันที่แผงล็อตเตอรี่ พี่ได้เลขอะไรเอามาดู เอามาแลกเปลี่ยนกัน จนคนเห็นล็อตเตอรี่เราเยอะ ตรงนี้แหละคนที่เห็นเหตุการณ์เยอะ เพราะผมไปซื้อร้านที่หนึ่ง สมมติไปซื้อผักบุ้ง เขาบอกว่าครูวันนี้มาซื้อหวยสิคะ เอาเลขอะไร ก็บอกว่า 726 ได้เลขดี เลขมงคล เลขชอบ เลขดัง”
15 คนมาช่วยด้วยใจ?
ปรีชา : “เขาอยู่ในเหตุการณ์ เขาเห็นจริง แล้วเขาก็รู้จริง เขาอยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด”
ล่าสุดลุงส้มมีนักข่าวคนหนึ่งไปสัมภาษณ์ แกบอกว่าแกเห็นเหตุการณ์ เห็นคุณครูเดินไปที่แผง ส่วนหมวดไม่ได้ไปดู แกให้ไปดูกล้องวงจรปิดของร้านทอง ทำไมไม่เอาแกไปเป็นพยาน?
ทนาย : “การเอาไปเป็นพยานหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของทนายความ เพราะทนายความจะเข้าใจว่าพยานปากไหนรับฟังได้ พยานปากไหนรับฟังไมได้ เนื่องจากโดยทั่วไปลูกความเองจะไม่เข้าใจ เพราะเขาไม่ได้จบกฎหมายการเอาใครหรือนำเสนอใครก็ต้องเป็นที่ทนาย”
ทำไมพี่ไม่เอามาเป็นพยาน?
ทนาย : “ก็ยังรับพิจารณาอยู่ ก็ให้ทีมงานที่ทำคดีนี้พิจารณาอยู่ว่าตัวแกเองพร้อมขึ้นศาลได้หรือเปล่า สมควรเอาขึ้นไปหรือไม่ เนื่องจากพยานผมมีอยู่แล้ว ในการเอาไปพิจารณา พิสูจน์ความผิดอีกฝ่าย”
ลุงส้มเขาก็พูดชัดเจนว่าเขาเห็น?
ทนาย : “แต่เรามีพยานที่ดีกว่านี้”
คุณพระ มีพยานที่ดีกว่านี้?
ปรีชา : “ขอเล่านิดหนึ่งนะครับ ก่อนที่ทนายจะมารับคดีอาญา ทนายไม่ได้เพิ่งมา มาอยู่กับผม 5-6 เดือนแล้วตั้งแต่มีคดี ท่านก็มาดูว่าลอตเตอรี่เป็นของใครกันแน่ ไปเก็บข้อมูลเอง ศึกษาเอง สอบถามชาวบ้านทุกคนในเมืองกาญจน์ ศึกษาหมดทุกเรื่อง แล้วรู้หมดว่าคนไหนอยู่ใจเหตุการณ์ ทนายท่านศึกษา สอบถามเสร็จโดยที่ผมไม่รู้นะครับ สุดท้ายท่านมาบอกผมเองว่าลอตเตอรี่เป็นของครู”
ทำไมไม่เอาลุงส้ม?
ทนาย : “ผมมีพยานที่ดีกว่านี้”
นี่ยังไม่ดี?
ทนาย : “ในส่วนที่ผมจะนำสืบในคดีอาญา ไม่เหมือนคดีแพ่งนะ ต้องสืบให้เห็นเป็นประจักษ์ ปราศจากข้อสงสัย ภาษากฎหมายให้ชัดดั่งแสงตะวัน ไม่มีข้อสงสัย ศาลยกแน่นอน”
พยานนอกเหนือจากลุงส้ม ทางพี่ยุทธบอกเลยว่ามีคนที่เด็ดกว่านี้?
ทนาย : “อย่าใช้คำว่าเด็ดเลย คำว่าเด็ดเป็นภาษาที่โซเชียลใช้กัน เป็นพยานที่เป็นประจักษ์พยานที่บ่งชี้ชัดเจนกว่านี้”
คนขายนม?
ทนาย : “ถ้าตามที่เป็นข่าว ผมก็เคยลงไปพื้นที่ก็เคยเจอ แต่จากการสอบถามเขาบอกว่าเขาเคยโดนพนักงานสอบสวนเข้าไปสอบสวนเขาแล้ว”
ในสำนวนของภาค 7 เคยเห็นมั้ย?
ทนาย : “ไม่เคยเห็นครับ”
แล้วรู้ได้ไงเรื่องคนขายนม?
ทนาย : “ผมก็ไปสอบถามเขาเองครับ ข้อเท็จจริงเป็นยังไง แกบอกว่าสิ่งที่ลุงจรูญในวันนั้น จุดที่ลุงจรูญชี้ว่าเป็นร้านขาย ที่บอกว่าซื้อกับแม่ค้าคนนั้นก็คือร้านที่แกขายนม”
ชี้จุดผิด?
ทนาย : “พยานเขาบอกอย่างนี้”
ปรีชา : “ใช่ ตำแหน่งที่ลุงจรูญชี้ เป็นตำแหน่งศาลพระพรหม”
คนขายนมบอกว่าชี้ผิด?
ทนาย : “ผมไปสอบถามข้อเท็จจริงเขาบอกว่าอย่างนั้น”
ทำไมคิดว่าพยานต้องมาให้ปากคำช่วยครูปรีชา?
ปรีชา : “พยานเหล่านี้ เขาอยู่ในเหตุการณ์ พยานบางคน ยังไม่ได้ให้พนักงานสอบสวนสอบ เนื่องจากกลัวตามที่โดนข่มขู่ บางคนก็กลัวไปเลย”
ใครข่มขู่?
ปรีชา : “ก็เป็นกระแส ที่บอกว่าถ้าเป็นพยานครูปรีชาถูกจับ เป็นพยานเท็จแน่นอน”
ทนายตั้มเขาไปฟ้อง?
ทนาย : “ถือเป็นกลยุทธ์หนึ่ง เหมือนที่กองปราบทำ ที่บอกว่าให้โอกาสกลับใจ ลักษณะพูดเพื่อโน้มน้าว ซึ่งลักษณะแบบนี้มันทำได้หรือไม่ กลยุทธ์ใกล้ขึ้นศาล มีการฟ้องร้อง ไม่ได้ฟ้องเฉพาะครู คุณก็รู้อยู่แล้วว่าการที่มีข้อพิพาทกันเป็นข้อพิพาทระหว่างครูกับอีกฝ่ายเท่านั้นเอง ถ้าคุณจะฟ้องโดยสุจริตใจ คุณต้องฟ้องระหว่างกัน พยานไม่เกี่ยวเลย”
มีนักกฎหมายหลายคนพูดว่าทนายยุทธเดินเกมผิด กำลังจะมีการขึ้นศาลแพ่งเดือนพ.ค. แต่เอาครูปรีชาหอบหลักฐานไปฟ้องอาญาเอง มีสิทธิ์ที่ทางทนายตั้มเขาจะไปร้องขอจำหน่ายคดีชั่วคราว?
ทนาย : “เป็นสิทธิ์ของเขาอยู่แล้ว ต่อให้ผมไม่ฟ้องเขาก็มีสิทธิ์ที่จะร้อง เพราะมีคดีอาญาที่กรุงเทพฯ อยู่แล้ว ต่อให้ผมไปฟ้องที่กาญจนบุรี เขาก็อ้างอาญาที่กรุงเทพฯ ได้”
คิดว่าเดือนพ.ค. ในการฟ้องแพ่ง มีการเลื่อนมั้ย?
ทนาย : “อันนั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ผมไม่ก้าวล่วงเดี๋ยวผิดมารยาท”
ปรีชา : “ผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่องกฎหมายลึกๆ เหมือนทนาย แต่ในเมื่อศาลมีการนัดไต่สวนพยาน มีหมายศาลออกมาแล้ว เชิญพยานแต่ละปากๆ วันที่เท่าไหร่”
คิดว่าทางโน้นจะขอจำหน่ายชั่วคราวแล้วไปรออาญาก่อนมั้ย?
ทนาย : “อันนั้นเดาใจเขาไม่ได้นะ”
แพ่งต้องเดินตามอาญา ถ้าอาญาหมิ่นเหม่จะชนะหรือแพ้?
ทนาย : “ผมยังไม่เคยพูดว่าหมิ่นเหม่เลยนะ ผมพูดคำว่ามั่นใจเลยนะ ผมพูดว่าในคดีอาญาต้องพิสูจน์ให้ชัดเจนดั่งแสงตะวันเลยนะ ไม่มีคลุมเครือ ผมไม่หนักใจเลย ผมมาเพื่อพิสูจน์ความจริง เนื่องจากสังคมตอนนี้เขาขัดแย้งว่าหวยเป็นของครูหรืออีกฝ่าย ตอนนี้ก็มาเล่นกันแค่ในชั้นตำรวจ อัยการ ชั้นปปช. ไม่จบซะที ดังนั้นสุดท้ายก็ต้องให้ศาลพิจารณาตัดสินว่าสุดท้ายเงินเป็นของใคร เพื่อให้สังคมหายคลางแคลงใจ”
ครูปรีชา วันที่ถูกกองปราบบุกไปจับที่โรงเรียน มีคนร้องไห้หลั่งน้ำตาเพื่อครู?
ปรีชา : “จริงๆ เราคือประชาชนธรรมดาชาวบ้านแต่เป็นครู ไม่คิดว่าจะมีหมายจับมาที่โรงเรียน แล้วจับต่อหน้านักเรียน”
เรามีที่อยู่เป็นหลักแหล่งไม่หนี แต่บุกไปจับแบบนี้?
ปรีชา : “รู้สึกว่าเราไม่ได้หลบหนีไปไหน ไม่ได้มีพฤติกรรมอะไร ถ้าเชิญมาเราก็ไป ทุกครั้งที่เชิญให้ปากคำก็ไปทุกครั้ง”
พยานเห็นเหตุการณ์วันนั้นเลยเดินมาวันนี้ด้วย?
ปรีชา : “มีพยานที่เห็นเหมือนคุณแผนหลายคน เพราะเขาเห็นลุงจรูญถือลอตเตอรี่ถามคนอีกหลายคนว่าลอตเตอรี่อันนี้เป็นของใคร”
คุณแผนมีสาระสำคัญในคดีมั้ย?
ทนาย : “ก็ถือว่าเป็นประจักษ์พยานอีกปากหนึ่งแต่เป็นของตำรวจที่เขาใช้อยู่แล้ว เดี๋ยวต้องพิจารณา ให้ทนายที่ดำเนินการอยู่พิจารณา”
เรื่องคลิปที่เห็นลุงก้มเก็บ มีมั้ย?
ปรีชา : “อธิบายอย่างนี้นะครับ ตอนนี้เรื่องเข้ากระบวนการยุติธรรม เรื่องเข้าศาล อยู่ในสำนวน แต่ถามว่าคลิปมีมั้ย บอกได้เลยว่าคลิปมีหลายอย่าง”
คลิปวิดีโอเห็นเลย?
ปรีชา : “อันนี้ขอไม่พูด เพราะเป็นเรื่องของสำนวน การเข้ากระบวนการศาล แต่มีแน่นอน”
ทำไมไม่เอาออกมาเปิดให้ดูเลย คนที่ด่าคุณจะได้หันกลับมาที่คุณ?
ทนาย : “ตอนนี้สังคมเขาเทใจไปแล้ว จะเอียงเพาะรัก เพราะหลง เพราะโกรธอะไรก็แล้วแต่ ในเมื่อเอียงไปแล้วคุณไปพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์ จำคลิปเจ๊เซียง ขนาดคลิปตัวนั้นออกมา ก็ยังมีคนกล่าวหาว่าทำไมเพิ่งทำ ทำไมเพิ่งสร้างขึ้นมา มันก็มีปัญหาประเด็นนี้อีก เพราะฉะนั้นเราไม่หวังผลให้โซเชียลหรือบุคคลภายนอกมาตัดสินข้อเท็จจริงตรงนี้ เราต้องการเพื่อนำขอเท็จจริงตรงนี้นำเสนอสู่ศาล ให้ตัดสินและพิพากษา สามารถที่จะบังคับได้”
ปรีชา : “พอเสร็จรายการจะให้ดูคลิปเป็นการส่วนตัว ที่ไม่เกี่ยวอยู่ในสำนวน อย่าคิดว่าเราไม่มีหลักฐานนะครับ เผื่อได้ไปเป็นพยานด้วย พรุ่งนี้จะเคลียร์และหอบหลักฐานมาให้ดูด้วย แต่ไม่ให้ดูในรายการ ให้คุณหนุ่มดูคนเดียว จะได้หายสงสัย คุณหนุ่มเข้าใจคนเดียว ทุกอย่างจบ”