โพสต์โดย : Admin เมื่อ 27 ก.พ. 2560 12:36:28 น. เข้าชม 166390 ครั้ง
เมื่อเวลา 05.10 น. วันที่ 27 ก.พ. ร.ต.อ.ยงยุทธ สะเดา รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองขอนแก่น ทำหน้าที่พนักงานสอบสวน สภ.ย่อยเมืองเก่า ได้รับแจ้ง มีเหตุคนใช้อาวุธปืนยิงตัวเองบาดเจ็บสาหัสอยู่ที่ทาวเฮ้าส์ 2 ชั้น หมู่ 8 บ้านขามเจริญ ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น รับแจ้งแล้ว รุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.นพดล เพช็รสุทธิ์ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.ท.สุทัศน์ ไพบูลย์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองขอนแก่น แพทย์เวร รพ.ศรีนครินทร์ ม.ขอนแก่น มูลนิธิสว่างขอนแก่นสามัคคีอุทิศ และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกหลายนาย
ที่เกิดเหตุพบประตูหน้าบ้านเปิดออก ที่ห้องชั้นล่าง พบมีเสื่อปูอยู่ 1 ผืน กองเลือด 1 กอง ข้างเสื่อพบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ขนาด .38 มม. 1 กระบอก ปลอกกระสุนในลำกล้อง 1 ปลอก หัวกระสุนขนาด .38 มม. 1 หัว และยาคลายเครียด 2 ซอง ส่วนคนเจ็บทราบชื่อภายหลังว่า นายอมต (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ขณะนี้กำลังศึกษาวิชากฎหมายปริญญาโทชั้นปีที่ 1 ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร และทำงานเป็นหัวหน้า รปภ.ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น เป็นเจ้าของห้องเช่าดังกล่าว ซึ่งสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้นสีน้ำตาล มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ใช้กระสุนปืน .38 มม. ยิงเข้าที่ขมับขวาทะลุขมับซ้ายหายใจรวยริน เจ้าหน้าที่พยาบาล รพ.ขอนแก่น และมูลนิธิฯ ต้องรีบนำคนเจ็บส่งไปที่ รพ.ขอนแก่น เพื่อช่วยชีวิตโดยด่วน ขณะนี้แพทย์และพยาบาลต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอาการยังโคม่า
ร.ต.อ.ยงยุทธ สะเดา รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองขอนแก่น เปิดเผยว่า จากการสอบถาม นางนันธีรา อายุ 56 ปี แม่ของคนเจ็บ ทราบว่า นายอมต ป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามาประมาณ 3 ปี และเป็นคนไข้ของ รพ.ขอนแก่น มาโดยตลอด ต้องไปรับยาคลายกังวลรักษาโรคซึมเศร้าจากโรงพยาบาลขอนแก่นทุกเดือน ก่อนเกิดเหตุนายอมตไม่ได้ไปรับยาคลายกังวลจาก รพ.ขอนแก่น ประมาณ 5 วัน จึงได้แต่นั่งเศร้าและคิดมากไม่ยอมพูดกับใคร กระทั่งช่วงเกิดเหตุนายอมต นอนอยู่ชั้นที่ 2 พอถึงเวลาประมาณ 04.00 น. ได้ลงมาชั้นล่าง แม่ของนายอมต นึกว่าจะลงมาอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบ สักพักก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด จึงลงมาดู พบนายอมต นอนหงายหายใจรวยริน จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ พบว่านายอมตยังไม่เสียชีวิตจึงได้รีบนำส่ง รพ.ขอนแก่นทันที
อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวน สภ.ย่อยเมืองเก่า ได้แจ้งให้ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 4 ขอนแก่นมาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ พร้อมลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป