ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านบ้านปิล๊อกคี่ หมู่ที่ 4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง พร้อมด้วยผู้นำชุมชน คณะกรรมการสถานศึกษา โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านปิล๊อกคี่ รวมกว่า 100 คน เดินทางมาประชุมกับคณะครู เพื่อขอคำชี้แจง เนื่องจากไม่พอใจที่ ส.ต.ท ธวัชชัย ปลื้มจิต ครูของโรงเรียนดังกล่าว ได้ลงโทษ ด.ช.นิติกร นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ด้วยการตีที่ก้นและขา ด้วยไม้จำนวน 3 ที จนเป็นแผลฟกช้ำ เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 16 ธันวาคม ที่ผ่านมา เนื่องจาก ด.ช.นิติกร ไปปัสสาวะข้างห้องน้ำ
สาเหตุที่นำมาสู่ความไม่พอใจของชาวบ้านในครั้งนี้เกิดจาก เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ที่ผ่านมา ครูได้มีการลงโทษนักเรียนคนหนึ่งด้วยการตี จนเป็นแผลฟกช้ำ ผู้ปกครองเด็กจึงได้มาแจ้ง นายประสาท แดงเถิน ผู้ใหญ่บ้านและคณะกรรมการหมู่บ้าน ให้ทราบ
ต่อมาในวันที่ 15 ธันวาคม นายประสาท พร้อมด้วยคณะกรรมการหมู่บ้านและผู้ปกครองนักเรียนส่วนหนึ่ง ได้เดินทางมาโรงเรียนเพื่อทำการประชุมหารือกับ พ.ต.ท.สุธีระ สุดแสวง ครูใหญ่ฯ และคณะครู ซึ่งภายหลังการประชุมทำความเข้าใจกันแล้ว ได้มีการขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมรับปากว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ครูลงโทษเด็กนักเรียนด้วยการตีอีก
แต่เช้าวันต่อมา 16 ธันวาคม ก็เกิดการลงโทษเด็กด้วยการตี เด็กชาย นิติกร ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้าน เนื่องจากเห็นว่าคณะครูไม่รักษาคำพูด ทั้งๆ ที่เพิ่งพูดคุยกันในที่ประชุม เพียงชั่วข้ามคืนก็เกิดเหตุการณ์ลงโทษนักเรียนด้วยการตีซ้ำอีก
จนเป็นเหตุให้ชาวบ้านไม่พอใจต้องเดินทางมาขอพบครูใหญ่และคณะครู พร้อมเรียกร้องให้มีการย้ายครู ส.ต.ท.ธวัชชัย ปลื้มจิต ออกไปจากหมู่บ้าน ไม่เช่นนั้นจะไม่ยอมให้บุตรหลานเดินทางมาเรียนหนังสือที่โรงเรียนฯ อีก
ขณะที่ พ.ต.ท.สุธีระ สุดแสวง ครูใหญ่ฯ ได้ชี้แจงสาเหตุของการลงโทษในครั้งนี้เนื่องจาก ส.ต.ท.ธวัชชัย ปลื้มจิต พบเด็กชายนิติกร ยืนปัสสาวะบริเวณด้านข้างห้องน้ำ ทั้งที่ครูได้ประกาศและขอความร่วมมือให้นักเรียนปัสสาวะในห้องน้ำเพื่อความสะอาดตามหลักสุขอนามัย ที่ต้องการปลูกฝังให้เด็กได้ปฏิบัติตาม ยอมรับว่าครูอาจทำการลงโทษรุนแรงเกินกว่าเหตุ แต่เป็นเจตนาที่ดี
พร้อมขอแสดงความรับผิดชอบในฐานะผู้บริหารโรงเรียน และ ผู้บังคับบัญชา โดยกล่าวกับผู้ปกครองว่าหากผู้ปกครองต้องการให้ ส.ต.ท.ธวัชชัย ปลื้มจิต ย้ายออกไป ตนเองจะขอย้ายเอง
ซึ่งในเวลาต่อมาในที่ประชุมของชาวบ้านได้ขอมติด้วยการยกมือ หากต้องการให้ครูใหญ่ย้ายออก ซึ่งปรากฏว่าชาวบ้านต่างพร้อมใจกันยกมือ ก่อนลุกเดินออกจากที่ประชุม พร้อมทั้งประกาศจะไม่ให้บุตรหลานมาโรงเรียน จนกว่าจะมีการย้ายครูออกไป
ด้าน น.ส.ดีเวบเบอ พี่สาวของ ด.ช.นิติกร ที่ถูกครูลงโทษด้วยการใช้ไม้ตี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองรับไม่ได้ที่ครูไม่รักษาสัญญา ทั้งที่เพิ่งรับปากในที่ประชุมว่าจะไม่ลงโทษเด็กด้วยการตี แต่เช้าวันรุ่งขึ้นก็เกิดเหตุการณ์กับน้องของตนอีก ที่ผ่านมามีเหตุการณ์ลงโทษเด็กด้วยการตีหลายครั้งแล้ว แต่ชาวบ้านทุกคนไม่ได้ติดใจเอาความ เนื่องจากเข้าใจว่าครูต้องการทำโทษ เพื่อให้เด็กนักเรียนเป็นคนดี แต่ครั้งนี้เกินไป น้องตนแค่ไม่ได้ปัสสาวะในห้องน้ำ เนื่องจากในห้องน้ำมีอุจจาระที่ไม่ได้ราดน้ำ เนื่องจากในห้องน้ำไม่มีน้ำ ทำให้ต้องมาปัสสาวะข้างๆ หลังเกิดเหตุการณ์จึงได้นำเรื่องไปหารือ คณะกรรมการหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการสถานศึกษาของโรงเรียน เพื่อให้มีการลงโทษครู จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอีก โดยชาวบ้านจะไม่ยอมอีกแล้ว
ขณะที่ นายประสาท กล่าวว่า เหตุการณ์ลงโทษเด็กด้วยการตี เกิดขึ้นมาหลายครั้ง ที่ผ่านมาตนเองได้พยายามประสานทำความเข้าใจระหว่างชาวบ้านและครู แต่ครั้งนี้ที่ชาวบ้านไม่ยอม เนื่องจากรู้สึกว่าครูไม่ทำตามคำพูดที่รับปากไว้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นแล้วว่า ชาวบ้านสุดจะทนแล้ว
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ที่ผ่านมา นายประสาท แดงเถิน ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมด้วย น.ส.ดีเวบเบอ และคณะกรรมการหมู่บ้าน ได้พา ด.ช.นิติกร เดินทางไปยัง สภ.ต.ปิล๊อก เพื่อขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งได้เดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทองผาภูมิ เพื่อให้แพทย์ตรวจร่างกายและลงความเห็น เพื่อประกอบหลักฐาน