โพสต์โดย : Admin เมื่อ 19 พ.ค. 2565 15:56:21 น. เข้าชม 166519 ครั้ง
จากกรณีที่ ด.ญ.แดง (นามสมมุติ) นักเรียนชั้น ม.3/8 โรงเรียนสตรีพัทลุง ได้ผูกคอตายที่คาดว่าน่าจะมาจากสาเหตุความเข้าใจที่ผิดพลาด ของหัวหน้ากลุ่มงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนดังกล่าว
โดยเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. วันที่ 13 พฤษภาคม 2565 ณ บ้านพักของเด็กในพื้นที่ อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ในขณะที่นางมาลี แก้วละเอียด ผอ.โรงเรียนสตรีพัทลุง ออกมายืนยันว่าโรงเรียนได้เตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือดูแลนักเรียนคนดังกล่าวไว้ทุกด้านแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากความเข้าใจที่ผิดพลาด ตามข่าวที่เสนอมาแล้วนั้น
วานนี้ (วันที่ 18 พ.ค.) นางสาวจรรยา ชูเมฆ หัวหน้ากลุ่มงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนสตรีพัทลุง ได้เปิดใจครั้งแรกกับผู้สื่อข่าวว่า ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งที่ผ่านมาทางโรงเรียนได้เตรียมการความช่วยเหลือนักเรียนคนดังกล่าวไว้พร้อมแล้ว
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมานั้นระบบการดูแลนักเรียนเราเตรียมไว้อย่างมีระบบ มีหลักฐาน และครอบคลุมทุกปัญหาของเด็กแล้ว เรารู้ว่าตอนที่ปิดเทอมเด็กไปอยู่กับแม่ที่ อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา พอจะเปิดเทอมครูที่ปรึกษาชั้น ม.3/8 บอกว่าเด็กอยากมาโรงเรียนแต่ไม่สามารถมาได้มาเรียนได้ ซึ่งทางโรงเรียนก็ได้แนะแนวทางในการแก้ปัญหาให้เด็กไปแล้ว แต่เราก็ไม่ทราบว่าตอนเด็กอยู่ใน จ.สงขลานั้นมีความเป็นอยู่อย่างไรบ้าง
อย่างไรก็ตามตอนเด็กอยู่ในพื้นที่ จ.พัทลุงเราก็ได้รับทราบความเคลื่อนไหวของเด็กมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ชั้น ม.1-2 ซึ่งเรารู้ว่าเด็กมีผู้ปกครองที่เป็นญาติกันที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.ควนขนุน และทางโรงเรียนก็ได้เตรียมตั้งรับเด็กคนนี้ไว้แล้วในชั้น ม.3 เมื่อวันแรกที่เขาไม่มาโรงเรียน ทางโรงเรียนก็ได้ตั้งรับปัญหาดังกล่าวไว้เป็นระบบแล้ว
สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น เมื่อวันที่ 9 พ.ค.65 ซึ่งเป็นวันเปิดเรียนในวันแรก ก็ได้รับแจ้งจากครูที่ปรึกษาชั้น ม.3/8 ว่าเด็กไม่ได้มาโรงเรียน เนื่องจากแม่ต้องการให้ไปเรียนในพื้นที่ อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา แต่เด็กอยากมาเรียนในโรงเรียนแห่งนี้โดยจะมาเช่าบ้านอยู่คนเดียว
ก็ได้ให้คำปรึกษาไปว่า เด็กยังเป็นผู้เยาว์การที่จะมาเช่าบ้าน โดยไม่มีผู้ปกครองดูแลย่อมทำไม่ได้ การที่แม่ต้องการให้ย้ายไปเรียนใน จ.สงขลา เพราะต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย เนื่องจากแม่มีรายได้ไม่มากนัก
จนต่อมาก็ได้รับแจ้งจากครูที่ปรึกษาของเด็กคนนี้ว่า เด็กยังไม่มาโรงเรียน ตนจึงได้นำเรื่องดังกล่าวปรึกษากับ รอง ผอ.โรงเรียนว่าปัญหาของเด็กน่าจะไม่จบน่าจะมีเรื่องที่จะต้องดูแลกันต่อไป
ต่อมา รอง ผอ.โรงเรียน ฝ่ายกิจการนักเรียน ได้นำเสนอเรื่องดังกล่าวให้ ผอ.โรงเรียนได้รับทราบว่าในขณะนี้เด็กอยู่ในสถานการณ์อย่างไร ต่อมาเพื่อนของเด็กคนดังกล่าวได้โทรศัพท์มาหาเพื่อนของเขา ซึ่งครูที่ปรึกษาได้ให้ตนได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับเด็กคนดังกล่าว
และทราบว่าเด็กพักอยู่กับพ่อเลี้ยงใน อ.คลองหอยโข่ง แต่ไม่ทราบว่าแม่ไปทำงานที่ไหนแต่แม่จะส่งเงินมาให้สัปดาห์ละ 400 บาท โดยแบ่งกับพ่อเลี้ยงคนละ 200 บาท และยังยืนยันว่าจะมาเรียนที่ จ.พัทลุง และจะมาเช่าบ้านอยู่ แต่ทางโรงเรียนก็ไม่เห็นด้วย เพราะเกรงว่านักเรียนจะได้รับอันตราย
ทางตนจึงบอกนักเรียนไปว่าแม่ต้องการจะให้เด็กย้ายไปเรียนที่ จ.สงขลา หรือจะมาเรียนที่ จ.พัทลุง หากแม่ต้องการให้ย้ายโรงเรียนเด็กก็ควรจะย้าย หากเด็กไม่ย้ายโรงเรียนครูก็เตรียมบ้านพักเด็กและเยาวชนโคกชะงาย อ.เมืองพัทลุง ไว้ให้แล้ว
ซึ่งที่นั้นมีระบบการส่งต่อนักเรียนที่ดี มีที่พัก ที่กิน รถยนต์รับส่ง แต่นักเรียนจะต้องนำผู้ปกครองมาเซ็นรับรอง หากแม่ไม่ยินยอมก็เป็นเรื่องของแม่ หากแม่ต้องการให้เด็กย้ายก็ให้เตรียมภาพถ่ายมาด้วยจะได้ไม่เสียเวลา หากเอกสารการย้ายเสร็จวันไหน ครูจะส่งให้ภายหลัง นี่คือเหตุการณ์ที่เป็นความจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ต่อมาเมื่อวันที่ 13 พ.ค.65 ตนก็ได้รับแจ้งจากครูที่ปรึกษาว่าเด็กได้เสียชีวิตไปแล้ว จนเรื่องราวฉาวตามสื่อต่างๆ ตนจึงขอความเป็นธรรมให้กับครู โรงเรียน นักเรียน ในทุกปัญหาที่เกิดขึ้น เวลาเราบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นผ่านสื่อขอให้ทุกฝ่ายได้ให้ความเป็นธรรมกับครู นักเรียน และองค์กรด้วย
และประการสำคัญปัญหาของเด็ก เยาวชน เป็นบัญหาที่ลึกซึ้งที่ใครๆจะทราบปัญหาที่แท้จริงและมีความเข้าใจที่แท้จริง รวมทั้งให้ความจำกัดความว่าปัญหาได้เริ่มที่ตรงจุดไหน ใครทำเด็ก เพราะในส่วนที่เราไม่รู้ยังมีอีกมากมาย ขอให้โปรดให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วย
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/2RPpXba2edY