โพสต์โดย : Admin เมื่อ 20 ก.ย. 2563 13:07:36 น. เข้าชม 166582 ครั้ง
รมว.ศึกษาธิการ ถก แผนงานปรับเกณฑ์ประเมินวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เล็งเริ่มสายงานสอน โละการทำผลงานด้วยเอกสาร ยึดผลสัมฤทธิ์นักเรียน
เมื่อวันที่ 18 ก.ย.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้คณะกรรมการปรับปรุงหลักเกณฑ์การประเมินวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้มานำเสนอแผนการประเมินการขอมีหรือเลื่อนวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งเบื้องต้นตนได้มีข้อเสนอแนะให้คณะกรรมการฯชุดดังกล่าวไปว่า การประเมินวิทยฐานะรูปแบบใหม่จะต้องสอดคล้องกับตัวผู้เรียน รวมถึงจะต้องลดการทำเอกสารและเน้นผลสัมฤทธิ์จากผู้เรียน รวมถึงลดขั้นตอนการประเมิน เพื่อไม่ให้เป็นการสร้างภาระงานให้แก่ครูจนเกินไป โดยการทำเอกสารเพื่อขอประเมินวิทยฐานะจะต้องลดลงด้วย
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้อยากให้คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) ปรับให้การประเมินทุกอย่างมีความเชื่อมโยงกัน เพราะเราไม่ต้องการให้การปรับปรุงเรื่องนี้สร้างภาระให้แก่ครู เช่น ประเมินเพื่อเลื่อนขั้นเงินเดือนก็เตรียมข้อมูลอย่างหนึ่ง ประเมินวิทยฐานะก็เตรียมข้อมูลอีกแบบหนึ่ง เป็นต้น เราจะออกแบบการประเมินให้สามารถนำไปใช้กับการประเมินต่างๆได้อย่างหลากหลาย โดยจะประเมินจากหน้าที่และความรับผิดชอบของครูที่ส่งผลต่อเด็กโดยตรง เริ่มตั้งแต่กระบวนการใช้หลักสูตรในการจัดการเรียนการสอนและผลสัมฤทธิ์เด็กจากการเรียนการสอนในห้องเรียนด้วย
‘จากนี้การประเมินเพื่อขอมีและเลื่อนวิทยฐานะจะเปลี่ยนใหม่ ลดการประเมินเอกสาร หรือกระบวนการประเมินที่มีความยุ่งยาก โดยจะทำให้การประเมินดังกล่าวมีความสะดวกมากขึ้น เช่น การนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินวิทยฐานะ เป็นต้น ดังนั้นระหว่างคณะกรรมการฯที่ได้ไปศึกษามา 6-7 เดือนแล้วปัญหาใดที่เป็นอุปสรรคต่อการประเมินวิทยฐานะก็ให้เร่งปรับปรุงแก้ไข เพราะอยากให้การประเมินเหล่านี้มีการผสมผสานร่วมกับสายอื่นๆด้วย เช่น การประเมินเพื่อขอมีหรือเลื่อนวิทยฐานะสายงานศึกษานิเทศก์ สายงานบริหารการศึกษา เป็นต้น ส่วนการปรับปรุงเกณฑ์การประเมินวิทยฐานะจะแล้วเสร็จได้เมื่อไหร่นั้นผมพยายามเร่งให้คณะกรรมการฯรวบรวมข้อมูลและปรับปรุงให้เสร็จโดยเร็ว ซึ่งคาดว่าการปรับปรุงเกณฑ์ประเมินดังกล่าวน่าจะเริ่มจากสายครูผู้สอนก่อนเป็นอันดับแรก’ นายณัฏฐพล กล่าว
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก เดลินิวส์ วันศุกร์ที่ 18 กันยายน 2563