“การที่ สพฐ.ไม่เปิดสอบครูผู้ช่วยในปีนี้ จะทำให้เด็กที่จบการศึกษาปี 2562 และปี 2563 ที่จบปีละประมาณ 35,000 คน 2 ปีรวมกันกว่า 70,000 คน ตกค้าง และต้องไปสอบรวมกับเด็กที่จบปี 2564 รวม 3 ปีกว่า 100,000 คน ยังไม่รวมผู้ที่สอบไม่ผ่านการคัดเลือกในปีก่อนๆ ที่ตกค้าง และจะมาสมัครสอบด้วย ขณะที่อัตราบรรจุจะลดลง เพราะรัฐบาลมีนโยบายควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก ตัดอัตราไปบรรจุครูคืนถิ่น อีกทั้ง ยังเปิดกว้างให้ผู้ที่จบสาขาอื่นสามารถสอบเพื่อเป็นครูได้ โดยอ้างว่าเป็นการคัดเลือกคนเก่งมาเป็นครูในสาขาขาดแคลน ทำให้เด็กที่เรียนครูจริงๆ เหมือนถูกลอยแพ” นายอรรถพล กล่าว
นายอรรถพลกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ มีข้อเสนอให้ผู้ที่เรียนจบครูเหล่านี้ ไปเป็นครูในโรงเรียนเอกชนก่อน เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แต่เด็กที่เลือกเรียนครูส่วนใหญอยากรับราขการ เป็นครูสังกัด สพฐ.เพื่อความมั่นคง และจะเป็นปัญหากับโรงเรียนเอกชน หากครูสอบผ่านเป็นครูผู้ช่วย ก็ลาออก ทำให้โรงเรียนเอกชนขาดครู และต้องรับสมัครใหม่ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทุกปี
“เรื่องนี้ถือเป็นความล้มเหลวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง สพฐ., สถาบันผู้ผลิตครู และคุรุสภา ต้องรับผิดชอบ อนาคตควรมีการวางแผนอัตรากำลังคน และผลิตครูในระบบปิด เช่นเดียวกับการผลิตแพทย์ มีการวางแผนการกำกับทิศทางในการเตรียมครู และกำหนดอัตรารองรับที่ชัดเจน” นายอรรถพล กล่าว