ศธ.จ่อฟันวินัย ‘บิ๊กเขตพื้นที่’ เซ่นโกงเงินอบรมครูบุรีรัมย์

เมื่อวันที่ 5 เมษายน พล.ท.โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบพบกรณีอดีตผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เขต 32 (บุรีรัมย์) ในอดีตจำนวน 3 คน จัดอบรมครูโดยเขตพื้นที่ฯ แต่ไม่มีการอบรมจริง โดยทั้ง 3 รายยังรับราชการอยู่ ว่า ล่าสุดนายนายอัมพร พินะสา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ได้รายงานความคืบหน้าการสืบสวนข้อเท็จจริงแล้ว คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้ เบื้องต้นหากพบว่า มีมูลความผิดจริง และตั้งกรรมการสอบวินัยอย่างร้ายแรง จะเสนอใช้มาตรการปราบปรามและป้องปรามการทุจริต ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ย้ายออกจากพื้นที่เดิม โดยให้เข้ามาประจำที่ศธ. หรือประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ทันที เพราะขณะนี้นายกรัฐมนตรี เตรียมตำแหน่งว่างไว้แล้ว 100 กว่าตำแหน่ง หรืออาจจะให้ออกจากราชการไว้ก่อน หรือพักราชการ ซึ่งต้องดูเหตุผลความจำเป็นต่อไป

พล.ท.โกศล กล่าวต่อว่า เบื้องต้นคิดว่าคดีนี้น่าจะมีมูล เพราะสตง.มีหลักฐานการทุจริตหมดแล้ว เพียงแต่รอคณะกรรมการสืบสวนฯสรุปข้อมูล ซึ่งนายอัมพร ระบุว่า หลังสงกรานต์ นี้น่าจะเรียบร้อย หากเสนอตั้งคณะคณะกรรมการสอบสวนวินัย ก็ต้องใช้มาตรการคสช. ทั้งนี้ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ปัจจุบัน เป็นผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่ (สพท.) ในกรุงเทพมหานคร 2 คน อีก 1 คนอยู่ในจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งอดีตผอ.สพม.32 ซึ่งย้ายไปอยู่จ.นครราชสีมา เข้ามา ให้ข้อมูลกับตนเองว่า ตัวเขาไปเป็น ผอ.สพม.32 ได้ไม่นาน และได้อนุมัติโครงการ และมีการเขียนเช็คจำนวน 3 แสนบาทจริง แต่ปรากฏว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ไปเปลี่ยนแปลงเช็ค แบ่งเป็น 1 แสนบาท 1 ใบ และ 2 แสนบาท 1 ใบ จากนั้นนำเงิน 1 แสนบาทไปให้เจ้าของโครงการ ส่วนอีก 2 แสนบาท แอบโอนเข้าบัญชีของตนเองซึ่งเมื่อตรวจพบ อดีตผอ.สพม.32 รายดังกล่าวก็ตกใจและได้ไปถอนเงินจำนวน 2 แสนบาท คืนให้กับเจ้าของโครงการ ทั้งนี้ตนได้สอบถามกลับไปว่า เมื่อพบว่า มีความผิดปกติ ทำไมไม่ยับยั้งการอบรม อดีตผอ.สพม.32 รายดังกล่าว ตอบว่า เพราะการอบรมได้ดำเนินการผ่านไปแล้ว ซึ่งประเด็นของรายนี้ เท่าที่ดูมีเหตุผลฟังได้ เพราะดูแล้วเป็นกระบวนการที่คนในเขตทำกัน ส่วนอีก 2 รายซึ่งปัจจุบันเป็นผอ.สพท.ในกรุงเทพนั้น ยังไม่เห็นรายละเอียด โดยรายแรก ทำ 2 โครงการ อีกราย ทำมากถึง 9 โครงการ

ที่มา https://www.matichon.co.th/news/905661