โพสต์โดย : Admin เมื่อ 14 มิ.ย. 2560 03:21:53 น. เข้าชม 166412 ครั้ง
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค (คปภ.) ที่มีม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการศธ. เป็นประธานเมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการสรรหาผู้มีคุณสมบัติเหมาะสม มาเป็นศึกษาธิการจังหวัด(ศธจ.) แทนตำแหน่งที่ยังว่างอยู่ 10 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท ราชบุรี สงขลา ตรัง ระยอง บึงกาฬ ศรีสะเกษ นครราชสีมา ลำปาง และนราธิวาส เนื่องจากบางจังหวัด ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองศึกษาธิการภาค (ศธภ.) โดยที่ประชุมมีมติว่า จะยังไม่มีการสรรหาศธจ.ทั้ง 10 จังหวัดในช่วงนี้ และมอบหมายให้รองศธจ.แต่ละจังหวัด รักษาการแทนศธจ.ไปก่อน เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน เพราะขณะนี้กำลังจะเข้าสู่กระบวนการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) แทนตำแหน่งว่างที่มีอยู่ 107 อัตรา ซึ่งจะเริ่มกระบวนการสรรหาแทนตำแหน่งว่างในเดือนมิถุนายนนี้ โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการเสร็จสิ้นภายในเดือนกรกฎาคม
นายชัยพฤกษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการสรรหาผู้อำนวยการสพท.จะเป็นไปในแนวทางเดียวกับ การสรรหาศธจ. โดยจะลดการสอบข้อเขียนให้น้อยลงและประเมิน จากวิสัยทัศน์ผลงานที่ผ่านมา ประวัติการทำงาน สอบสัมภาษณ์ มีปลัดศธ.เป็นประธานคณะกรรมการสรรหา จากนั้นจะดำเนินการสรรหารองผู้อำนวยการสพท. ที่ว่างอยู่ 209 อัตรา ทั้งนี้ที่ประชุมมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ. )ไปพิจารณาแนวทางปรับเปลี่ยนตำแหน่งรองผู้อำนวยการสพท. ตำแหน่งที่มีเงื่อนไข หรือรองผู้อำนวยการดอกจัน ทีมีอยู่กว่า 300 อัตรา เข้าสู่รองผู้อำนวยการสพท. ตำแหน่งโครงสร้างก่อน หากยังมีอัตราว่าง จึงจะเปิดรับสมัครผู้มีคุณสมบัติเข้ารับการสรรหาต่อไป แต่หากสามารถปรับให้รองผู้อำนวยการสพท.ดอกจัน เข้าสู่รองผู้อำนวยการตำแหน่งโครงสร้างได้ครบ ก็อาจไม่จำเป็นต้องสรรหารองผู้อำนวยการสพท.
“ที่ประชุมยัง พิจารณา คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรื่องการปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของศธ. ที่กำหนด แต่งตั้ง โอนหรือย้ายผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารสพท. หรือผู้ปฏิบัติงานในตำแหน่งต่าง ๆ ในหน่วยงานของศธ.ในระดับภูมิภาคหรือจังหวัด ตามประเภทหรือระดับตำแหน่งที่รัฐมนตรีว่าการศธ. กำหนด เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งดังกล่าว ที่ประชุมจึงมีมติว่า ให้คปภ. มีอำนาจโยกย้ายตำแหน่งต่าง ๆ เหล่านี้ เพื่อประโยชน์ทางราชการได้ เช่น กรณีผู้อำนวยการสถานศึกษา กระทำการทุจริต ให้ คปภ. มีมติในการสั่งย้ายมาช่วยราชการที่ส่วนกลาง สำนักงานศจธ. ศธภ. ได้ ซึ่งคำสั่งนี้สามารถใช้ได้ทั้งด้านบวกและลบ คือ กรณีที่ต้องการผู้ที่มีความรู้ความสามารถมาช่วยงานในพื้นที่ใดเป็นกรณีพิเศษ ก็สามารถดำเนินการได้เช่นกัน ทั้งนี้คำสั่งดังกล่าว จะไม่กระทบอำนาจตามปกติของหน่วยงานต่างๆ โดยคปภ.จะใช้เฉพาะกรณีที่จำเป็นเท่านั้น “นายชัยพฤกษ์กล่าว และว่า นอกจากนั้น ที่ประชุมยังมีมติไม่ให้ครู สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ขอย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงานศธจ. ในการเกลี่ยอัตรากำลังรอบสอง ซึ่งยังเหลือตำแหน่งว่างอีก 2,140 อัตรา เพื่อไม่ให้กระทบต่อการจัดการเรียนการสอนในช่วงเปิดเทอม
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก http://www.kroobannok.com/82235 วันที่ 13 มิถุนายน 2560