โพสต์โดย : Admin เมื่อ 20 ต.ค. 2563 08:06:00 น. เข้าชม 166553 ครั้ง
อาจารย์ 1,118 คน จี้ บิ๊กตู่ ลาออก ชี้ถ้ายังดื้อ จ่อนัดหยุดสอนทั่วประเทศ ให้เวลา 7 วัน
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 20 ต.ค. ที่ลานปรีดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) ท่าพระจันทร์ เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง (คนส.) นำโดย นายอนุสรณ์ อุณโณ คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มธ. และ นายธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ พร้อมอาจารย์และนักศึกษาประมาณ 50 คน เดินเท้ามายังทำเนียบรัฐบาล โดยใช้เส้นทางถนนราชดำเนิน ผ่านหน้าอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ข้ามถนนบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สู่หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา แล้วเดินต่อไปกระทั่งถึงหน้าทำเนียบรัฐบาล เวลา 09.30 น.เพื่อยื่นแถลงการณ์เรื่อง หยุดสลายการชุมนุมและขจัดผู้เห็นต่าง สร้างทางออกให้ประเทศไทย
นายอนุสรณ์ อ่านแถลงการณ์ว่า การชุมนุมของนักเรียนนิสิตนักศึกษา รวมถึงประชาชนตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาบนฐานของข้อเท็จจริง หลักการ และเหตุผล โดยมีผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นตัวตั้ง อีกทั้งยังเป็นไปอย่างสงบและปราศจากอาวุธ แต่รัฐบาลไม่รับข้อเสนอ และยังขัดขวาง ทั้งการตั้งข้อหาและจับกุมคุมขังแกนนำและผู้เข้าร่วม
โดยเฉพาะการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงและการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมคืนวันที่ 16 ต.ค. ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บและสถานการณ์บานปลาย ไม่มีแนวโน้มจะคลี่คลายลงแต่อย่างใด
คนส. พร้อมกับนักวิชาการ รวมถึงประชาชนที่มีรายชื่อแนบท้ายจำนวน 1,118 รายชื่อ จึงขอแสดงจุดยืนและข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลดังนี้
1.ขอประณามการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม บริเวณแยกปทุมวันคืนวันที่ 16 ต.ค. เพราะเป็นการจัดการกับการชุมนุมที่ไม่เป็นไปตามหลักการและขั้นตอนที่เป็นสากล และใช้กำลังที่ไม่ได้สัดส่วนหรือเกินกว่าเหตุ เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้มีอาวุธ ไม่ได้มีพฤติการณ์รุนแรง และจำนวนมากเป็นเยาวชน รัฐบาลจะต้องยุติการสลายการชุมนุมและรับผิดชอบต่อความผิดพลาดนี้
2.รัฐบาลต้องยุติการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือขจัดผู้เห็นต่าง ต้องยกเลิกการตั้งข้อหาและต้องปล่อยตัวผู้ชุมนุมทุกคนอย่างไม่เงื่อนไข ต้องยกเลิกการใช้กฎหมาย เช่น พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เอาผิดผู้แสดงความเห็นต่างหรือวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล รวมถึงต้องยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงและการบังคับใช้กฎหมายที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชนอย่างไม่สมควรแก่เหตุ
3.รัฐบาลต้องรับข้อเสนอของกลุ่มผู้ชุมนุมไปพิจารณาอย่างจริงจัง ทั้งการให้ นายกฯ ลาออก การแก้รัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการปฏิรูปสถาบัน ให้สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตย โดยตั้งคณะกรรมการศึกษาและให้ข้อเสนอแนะที่มาจากตัวแทนฝ่ายต่างๆ ในภาควิชาการ ประชาชน และนักเรียนนิสิตนักศึกษา เพราะปราศจากการเขียนกติกาสูงสุดที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น
จากนั้น นายอนุสรณ์ ให้สัมภาษณ์ว่า การยื่นแถลงการณ์วันนี้เป็นเพียงมาตรการเบื้องต้น เราไม่ใช่กลุ่มที่นิยมใช้ความรุนแรง คงไม่ไปปิดกั้นไม่ให้ดำเนินการอะไร แต่จะใช้การเคลื่อนไหวด้วยการไม่กระทำ เช่น นัดหยุดสอน ซึ่งคนส. มีอยู่ทุกมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ถ้าเห็นว่าสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย นายกฯ ยังไม่ตอบสนองข้อเรียกร้องแต่โดยดี เราจะประสานความร่วมมือในกลุ่มนักวิชาการ งดเว้นการเรียนการสอนหรือหยุดชั้นเรียน ขณะนี้ยังไม่เริ่ม แต่รอดูสถานการณ์ว่ารัฐบาลจะตอบสนองข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมและข้อเรียกร้องของนักวิชาการอย่างไร ถ้าคำตอบไม่น่าพึงพอใจ เราจะคิดถึงมาตรการต่อๆไป
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ปกติเราจะตั้งโต๊ะออกแถลงการณ์ แต่เกรงว่าอาจจะไปไม่ถึงคนที่อยู่ในอำนาจ และเวลานี้นักศึกษามาเรียนรู้โลกข้างนอกมากกว่าในชั้นเรียนที่ไม่ได้ตอบโจทย์หรือบิดเบือนไม่ตรงกับข้อเท็จจริงและไม่ได้ช่วยให้ทางออกกับสังคม ดังนั้น เราจะอำนวยความสะดวกให้นักศึกษาได้เรียนรู้มากขึ้น ทั้งนี้ เราจะรอดูท่าทีของรัฐบาล 1 สัปดาห์ อย่างน้อยต้องให้รัฐบาลยุติสลายการชุมนุม และแกนนำต้องได้รับการประกันตัว ยุติการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือขจัดผู้เห็นต่างและยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในกทม.
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า วันนี้แม้รัฐบาลจะมีท่าทีผ่อนปรน เปิดประชุมรัฐสภาวิสามัญ พูดคุยในภาพกว้าง แต่ยังไม่แตะถึงข้อเรียกร้อง ต้องคอยดูกันต่อว่าการเปิดประชุม จะไม่ใช่การหันเหกระแส ความไม่พอใจจากตัวนายกฯและถ้าไม่ได้พูดถึงการแก้รัฐธรรมนูญหรือการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ก็เป็นแค่การซื้อเวลาให้กับนายกฯ อยู่ในอำนาจต่อ การเปิดสภาวันนี้ช้าไป ควรทำตั้งแต่มีการเรียกร้อง แต่ด้วยความดื้อและคิดว่าอำนาจจะช่วยได้ พิสูจน์แล้วว่าไม่จริง ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องรับฟังข้อเสนออย่างจริงจัง
เมื่อถามว่ากลุ่มผู้ชุมนุมประกาศยกระดับ หากข้อเรียกร้องไม่ได้รับการตอบรับใน 24 ชั่วโมง จะเกิดอะไรขึ้นจากนี้ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า เป็นการแสดงให้เห็นว่าประกาศสถานการณ์ร้ายแรงไม่มีผลและทำให้เกิดความขุ่นเคือง ซึ่งผู้ชุมนุมอาจเห็นพลังที่จะเกิดขึ้นใหม่ ซึ่งเป็นไปได้ที่การชุมนุมใหญ่จะเกิดขึ้นอีก ซึ่งเกิดจากประสบการณ์ตรงของเด็ก ไม่ได้มาจากการหว่านล้อม หรือจัดตั้งของใคร โอกาสที่จะให้สลายการชุมนุมโดยขจัดแกนนำออกไป ไม่มีผล และจะก่อให้เกิดวิธีต่อต้านขัดขืนในรูปแบบต่างๆ วันนี้ยังพอคุยกันได้ แต่ถ้านายกฯหรือผู้มีอำนาจไม่ฟัง อารมณ์และความคิดจะพัฒนาไปอีก เมื่อถึงจุดนั้น อาจจะไม่เหลือโอกาสประนีประนอมกันอีก
เมื่อถามถึงคำสั่งที่มีการระงับการเผยแพร่ของสื่อหลายสำนัก นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ขอให้สื่อมีความกล้าหาญ และเวลานี้สื่อใหญ่หลายสำนักมาทำข่าวการชุมนุมของนักเรียนนักศึกษา จากเดิมที่แทบไม่ได้รับการเผยแพร่ เมื่อสื่อเริ่มขยับรัฐจึงเข้าไปกำกับมากขึ้น ถ้าสื่อยืนยันความถูกต้อง ไม่ต้องกังวลว่ารัฐบาลจะใช้อำนาจ ไปปิดสถานี และเชื่อว่าถ้าเกิดขึ้น จะถูกนำไปเป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องของการชุมนุมที่ให้ยกเลิกการคุกคามสื่อ หรือปิดกั้นการเสนอข่าวของสื่อ