วันที่ 29 มี.ค. นายประสงค์ สุดสะเดา อายุ 47 ปี พร้อมพวก 2 คน ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ปกครองนักเรียนและชาวบ้านโคกหนามแท่ง ม. 3 ต.หนองปลาไหล อ.เมือง จ. สระบุรี ได้เดินทางนำเอกสารในการร้องเรียนและขอขับไล่นายประเมศ อินทพิบูลย์ ผอ.โรงเรียนวัดโคกหนามแท่ง มายื่นต่อนายสมุทร สมปอง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสระบุรีเขต 1 เพื่อให้มีการตรวจสอบ โดยระบุว่า ผอ.โรงเรียนใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบในการปฏิบัติงานในโรงเรียน เป็นคนโมโหร้าย และทำร้ายนักเรียนสำหรับข้อร้องเรียนมีจำนวน 5 ข้อ ได้แก่ 1.เป็นบุคคลอันตรายโมโหร้าย เกรงว่าจะเกิดอันตรายต่อนักเรียน และครู เนื่องจากที่ผ่านมา นายประเมศเคยใช้อาวุธปืนข่มขู่จะยิงชาวบ้านจนมีการแจ้งความไว้ที่โรงพัก 2.มีการจัดการอาหารกลางวันโรงเรียนไปทางทุจริตไม่โปร่งใส 3.บริหารงานในโรงเรียนผิดพลาด เช่น สั่งห้ามนักเรียนห้ามนำอุปกรณ์การกีฬามาเล่น ปิดไฟก่อนเวลาอันควรไม่ยอมให้ครูได้มีการทำงานในช่วงงานที่ค้าง ส่วนผอ.กลับบ้านก่อนเวลากำหนด 4.ไม่ใส่ใจในการบริหารส่งเสริมในการเรียน และ 5.ไม่สร้างขวัญกำลังใจในการบริหารงานในโรงเรียน ทำให้ภาควิชาบางภาคตกต่ำลงส่งผลเด็กมีวิชาตกต่ำด้านนายประเมศ อินทพิบูลย์ ผอ.โรงเรียนวัดโคกหนามแท่ง ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จากที่มีการร้องเรียนตน เช่น ปิดไฟก่อนกลับบ้านไม่ยอมให้ทางครูได้ทำงานนั้น ตนขอชี้แจ้งว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะตนจะปิดไฟเฉพาะอาคารโรงเรียนซึ่งเป็นอาคารไม้เก่าเท่านั้นเพราะเกรงจะเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ส่วนที่จะใช้ได้ก็เป็นอาคารห้องพักครูใหม่ อีกอย่างเรื่องอุปกรณ์กีฬาของเด็กนั้น ตนจะให้ทางครูเบิกในช่วงเวลาเรียนเท่านั้น
นายประเมศ กล่าวต่อว่า ในส่วนประเด็นที่ทางฝ่ายผู้ปกครองร้องว่าเคยทำร้ายเด็ก โดยใช้ปากกาขว้างเด็กจนรับบาดเจ็บที่คิ้วนั้นก็ไม่เป็นเรื่องจริง เพราะว่าในวันเกิดเหตุ ตนกำลังคุยกับเด็กและยื่นปากกาให้เด็ก จากนั้นเด็กได้วิ่งมาชนที่ปลายปากกาจนได้รับบาดเจ็บ โดยมีครูพาไปหาหมอแล้ว ตนก็งงว่าไปขว้างปากกาใส่เด็กอย่างไร ตนยืนยันว่าไม่ได้ขว้าง ส่วนในเรื่องยิงปืนนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวนอกโรงเรียน เพราะเป็นการป้องกันตัวเองและปืนดังกล่าวก็เป็นปืนปลอมของเด็กเล่นที่ให้มาถือในขณะนั้น และเรื่องดังกล่าวก็คุยกับผู้เสียหายแล้วไม่น่ามาเกี่ยวกันในเรื่องนี้
ด้านนายสมุทร กล่าวว่า ตนได้รับหนังสือร้องเรียนมาแล้ว จึงจะเร่งดำเนินการในการตรวจสอบภายใน 7 วัน พร้อมจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย