โพสต์โดย : Admin เมื่อ 3 พ.ย. 2565 12:24:00 น. เข้าชม 166609 ครั้ง
ครูประจำศูนย์เด็กเล็กฯ เผยนาทีที่ได้รับแจ้งว่ามีคนคลุ้มคลั่ง ชี้มีการซ้อมแผนก่อนหน้านี้แล้ว ตำรวจตรวจสอบวงจรปิด พบวนเวียนถึง 2 รอบ
จากกรณี นายกองพล หรือ หมิง อายุ 30 ปี ชาวบ้านหมู่ 1 ต.โกรกแก้ว อ.โนนสุวรรณ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งคล้ายกับหลอนยาบ้า ก่อเหตุใช้ไม้ตีหัว นางสาวสุภาพร อายุ 45 ปี ผู้เป็นแม่ของตัวเองจนได้รับบาดเจ็บ แล้วยังกลับไปเผาบ้านตัวเองวอดทั้งหลัง
แต่กลับมีเรื่องที่สร้างความอลเวงให้กับเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน หลังจากชาวบ้านแจ้งว่า นายหมิง กำลังจะออกไปที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาล ต.โนนสุวรรณ เพื่อไปตามหาลูกวัย 4 ขวบ ทำให้ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ของเทศบาลโนนสุวรรณ และครูในศูนย์เด็กเล็ก ต่างเตรียมความพร้อมหากมีเหตุร้ายเกิดขึ้น เหมือนกับจังหวัดหนองบัวลำภู
ก่อนที่ต่อมาเจ้าหน้าที่จะสามารถจับกุมนายหมิงได้ขณะหลบซ่อนตัวอยู่ทุ่งนา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถาม นางสาวดาวประกาย กำพูชาติ ครูประจำศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาล ต.โนนสุวรรณ เล่าถึงเหตุการณ์ตอนนั้นว่า ก่อนหน้านี้ทางศูนย์เด็ก ได้รับนโยบายกรอบการป้องกันเด็กไว้แล้ว คือหลังจากผู้ปกครองเด็กมาส่งบุตรหลาน ให้ล็อกทุกจุดของศูนย์เด็ก ซึ่งได้ทำมาเป็นประจำทุกวัน
ช่วงเกิดเหตุวันนี้ เป็นช่วงที่เด็กนักเรียนที่มาเรียนวันนี้ประมาณ 50 คน จาก 90 คน กำลังซ้อมฟ้อนเพื่อจะไปร่วมกิจกรรมวันลอยกระทง ได้มีผู้ปกครองหลายคนวิ่งมาบอกว่า นายหมิง กำลังจะบุกมาที่ศูนย์เด็กเล็ก ถือมีดมาด้วย
จึงได้ให้เด็กขึ้นไปชั้น 2 พร้อมล็อกประตูทุกจุด ส่วนเด็กไม่ทราบว่ามีเหตุอะไรเกิดขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีการเตรียมความพร้อมไว้แล้วก็ตาม แต่ยอมรับว่าตื่นเต้นมาก เพราะเคยเห็นแค่จังหวัดอื่น ไม่คิดว่าจะมีเหตุล่อแหลมแบบนี้
ด้าน นางสาวศุภิสรา ศรีงาม นายกเทศบาลตำบลโนนสุวรรณ ได้ออกมาระบุว่า ที่ผ่านมาหลังจากมีเหตุที่จังหวัดหนองบัวลำภู ได้มีการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการเตรียมแผนไว้ป้องกันเหตุ กับกลุ่มที่ติดยาเสพติด
ยอมรับว่าเทศบาลทำได้เพียงการรณรงค์และการป้องกันผู้เสพยาเท่านั้น ส่วนข้อกฎหมายเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือฝ่ายปกครอง แต่ตอนนี้ยังไม่มั่นใจว่านายหมิง ซึ่งมีอาการถึงขนาดนี้ เจ้าหน้าที่จะสามารถควบคุมไว้ได้นานแค่ไหน
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบกล้องจากภาพวงจรปิด พบว่านายหมิงได้มีวนเวียนผ่านหน้าศูนย์เด็กเล็กจริง 2 รอบ แต่ยังไม่มีแนวทางการแก้ไขที่ดีมากกว่าการป้องกัน เพราะผู้ก่อเหตุจัดว่าเป็นกลุ่มผู้เสพ คือผู้ป่วยเท่านั้น