โพสต์โดย : Admin เมื่อ 7 พ.ย. 2563 14:03:00 น. เข้าชม 166429 ครั้ง
ด่วน! ศธ.แก้ระเบียบทรงผม ไว้สั้น-ยาวก็ได้ ห้ามครูลงโทษรุนแรง-กล้อนผมเด็ก ยันไม่แก้ระเบียบเครื่องแต่งกาย ชี้ร.ร.ยืดหยุ่นใส่ได้ตามเหมาะสม
เมื่อวันที่ 6 พ.ย.63 ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อกรพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาข้อร้องเรียนของนักเรียน นักศึกษา เปิดเผยภายหลังการประชุม คณะกรรมการพิจารณาข้อเรียกร้องของนักเรียนว่า
ที่ประชุมพิจารณาร่างระเบียบศธ. ว่าการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.... โดยข้อเสนอแนะปรับแก้ดังนี้ ปรับแก้บทนำ หรือในส่วนของการปรารภ เป็นการปรับแก้ระเบียบการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 ให้มีความเหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน และสอดคล้องกับหลักการสิทธิมนุษยชนการคุ้มครองศักดิ์ความเป็นมนุษย์ การมีส่วนร่วม รวมทั้งการป้องกันให้มีการเลือกปฏิบัติไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ เห็นชอบแก้ไขระเบียบในข้อ 4 ดังนี้
นักเรียนจะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ กรณีไว้ผมยาวให้เป็นไปตามความเหมาะสมและรวบให้เรียบร้อย เพื่อสะท้อนความหลากหลายทางเพศและไม่ให้มีปัญหาในทางปฏิบัติ ส่วนการดัดผม ย้อมสีผมให้ต่างไปจากเดิม ไว้หนวดหรือไว้เครา ยังคงเป็นข้อห้ามตามเดิม เนื่องเห็นว่าอาจทำให้เสียสมาธิในการเรียน
ขณะเดียวกันยังแก้ไขระเบียบข้อ 7 แก้ไข เป็นภายใต้ข้อบังคับข้อ 4 ให้สถานศึกษาวางระเบียบการไว้ทรงผมของนักเรียนได้เท่าที่ไม่ขัดแย้งกับระเบียบนี้ โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาหรือคณะกรรมการบริหารโรงเรียนเอกชนแล้วแต่กรณี ก่อนดำเนินการในวรรคหนึ่งให้สถานศึกษาดำเนินการจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็น ของนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษา และเครือข่ายผู้ปกครอง รวมทั้งเผยแพร่ผลรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวไว้ในสถานศึกษาหรือระบบสารสนเทศของสถานศึกษา
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีข้อเสนอให้รัฐมนตรีว่าการศธ. ทำหนังสือทำความเข้าใจไปยังโรงเรียน ดังนี้ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของนักเรียน โดยใช้กลไกของสภานักเรียน เช่น ให้ผู้แทนสภานักเรียนเข้าร่วมสังเกตการณ์ในการประชุมของคณะกรรมการสถานศึกษา ตามข้อ 7 กรณีนักเรียนทำไม่ถูกตามระเบียบ การลงโทษให้คำนึงถึงระเบียบศธ. ว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ.2548 และกฎหมายคุ้มครองเด็ก ห้ามลงโทษรุนแรงที่เกิดกว่าระเบียบดังกล่าว เช่น การกล้อนผม เป็นต้น
นายสมเกียรติ กล่าวต่ออีกว่า ที่ประชุมยังหารือแนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องเครื่องแบบนักเรียน ตามข้อเรียกร้องของนักเรียน ทั้งให้แต่งกายตามเพศสภาพ ยกเลิกการแต่งเครื่องแบบนักเรียน และเครื่องแบบลูกเสือ ยุวกาชาด เนตรนารี ซึ่งกรณีนี้มีพ.ร.บ.เครื่องแบบนักเรียน พ.ศ.2551 และระเบียบศธ. ว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ. 2551 กำกับอยู่ ทางคณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า ระเบียบที่มีอยู่มีความยืดหยุ่นและสามารถประยุกต์ใช้ได้ตามความเหมาะสม เพียงแต่บางโรงเรียนอาจยังไม่มีความเข้าใจ
ดังนั้นที่ประชุมจะเสนอให้รมว.ศธ. ทำหนังสือซักซ้อมความเข้าใจไปยังโรงเรียนต่างๆ ขอให้มีความยืดหยุ่น โดยใช้ข้อ 15 ที่กำหนดว่า สถานศึกษาใดจะกำหนดให้นักเรียนแต่เครื่องแบบลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด นักศึกษาวิชาทหารหรือแต่งชุดพื้นเมือง ชุดไทย ชุดลำลอง ชุดฝึกงาน ชุดกีฬา ชุดนาฏศิลป์หรือชุดอื่น ๆ แทนเครื่องแบบนักเรียนตามระเบียบนี้ได้ ในวันใด ให้เป็นไปตามที่สถานศึกษากำหนด โดยคำนึงถึงความประหยัดเหมาะสม และ 16 ที่กำหนดว่า ในกรณีมีเหตุจำเห็นหรือมีเหตุพิเศษให้สถานศึกษาพิจารณายกเว้นหรือผ่อนผันการแต่งกายเครื่องแบบนักเรียนได้ตามความเหมาะสม และหากจะออกระเบียบใดเพิ่มเติมให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องก่อน
นอกจากนี้ที่ประชุมมีมติเสนอให้รัฐมนตรีว่าการศธ. ตั้งคณะทำงาน 3 ชุด ดังนี้ คณะทำงานด้านการละเมิด การกระทำความรุนแรง และความปลอดภัยในสถานศึกษา คณะทำงานด้านความล้าหลังของสถานศึกษาที่ประทบต่อนักเรียน นักศึกษา และคณะทำงานด้านการแสดงออกทางการเมืองในสถานศึกษา ทั้งนี้คณะกรรมการจะไปดูรายละเอียดก่อนนำข้อสรุปทั้งหมดเสนอให้นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการศธ. พิจารณาเห็นชอบภายในสัปดาห์หน้า