กรณีที่เพจเฟซบุ๊ก PHANTHAI Pnfc รายงานเรื่องราวว่า นักเรียนโครงการฟุตบอลสู่ความเป็นเลิศโรงเรียนพันท้ายนรสิงห์วิทยา จังหวัดสมุทรสาคร จำนวนประมาณ 200 คน ไม่มีรถไปโรงเรียน เนื่องจากผู้อำนวยการโรงเรียนมีคำสั่งยึดรถโดยสารที่รับนักเรียนไปโรงเรียนคืน อีกทั้งด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ทางจังหวัดให้นักเรียนอาศัยอยู่ในโรงเรียนได้ไม่เกิน 40 คน ทำให้นักเรียนจากต่างภูมิลำเนา ต้องไปอาศัยอยู่ที่วัดเป็นการชั่วคราว
ล่าสุด เมื่อเวลา 06.30 น. ของวันที่ 3 กันยายน 2563 นักเรียนในโครงการกว่า 200 ชีวิต ได้ออกเดินเท้าจากวัดโสภณาราม (วัดบ้านขอม) ซึ่งเป็นที่พักอาศัย เพื่อไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนพันท้ายนรสิงห์วิทยา ระยะทางกว่า 10 กม. พร้อมทั้งแสดงจุดยืนเรียกร้องให้ผู้บริหารโรงเรียนหันมาเหลียวแล เนื่องจากที่ผ่านมา กลุ่มนักฟุตบอลได้ทำชื่อเสียงให้กับโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในตัวแทนทีมฟุตบอลของโรงเรียน บอกว่า ทางโรงเรียนมีการปรับนโยบาย โดยมุ่งเน้นไปในส่วนอื่นๆ นอกเหนือจากการกีฬา และล่าสุดบังคับให้ครูท่านหนึ่งในโรงเรียนมายึดรถ ซึ่งโครงการได้รับบริจาคมาจากโรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แต่จดทะเบียนในนามโรงเรียน คืนไปกะทันหัน โดยอ้างเหตุการต่อทะเบียน ถ้าไม่ได้รถคืนจะตั้งกรรมการสอบครูท่านนี้ แต่ปัจจุบัน รถคันนี้ยังคงจอดไว้ที่โรงเรียน ไม่ได้นำไปซ่อมแซม ทั้งนี้ขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง เพราะนักเรียนที่ร่วมเดินเท้าครั้งนี้ ไม่ได้ไปโรงเรียนมาสองวันแล้ว เพราะไม่มีรถไปนั่นเอง
ขณะที่ผู้ปกครองหลายๆ ท่าน ได้ออกมายืนยันผ่านโลกโซเชียลว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง และบุตรหลานต้องมาอาศัยนอนวัด และไม่ได้ไปเรียนที่โรงเรียน บางคนบอกว่า ลูกหลานโทรมาร้องไห้ แต่ก็ตัดสินใจว่าจะอดทนและสู้ให้ถึงที่สุด
กรณีดังกล่าวเดิมทีนักกีฬาในโครงการ เคยพักอาศัยฝึกซ้อมและศึกษาเล่าเรียนที่โรงเรียนพันท้ายนรสิงห์วิทยา จังหวัดสมุทรสาคร ต่อเนื่องกันมาเป็นเวลาประมาณ 8 ปี ตามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างโรงเรียนพันท้ายนรสิงห์วิทยา และ MJ Academy ซึ่งที่ผ่านมาได้สร้างเกียรติประวัติทางด้านกีฬาฟุตบอลให้แก่โรงเรียนพันท้ายนรสิงห์วิทยาและจังหวัดสมุทรสาคร ตลอดจนสร้างชื่อเสียงในระดับประเทศมาจนถึงทุกวันนี้
แต่เนื่องจากทางจังหวัดโดยผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้อ้างสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) พิจารณาให้นักกีฬาเข้าพักอาศัยในโรงเรียนได้เพียงจำนวน 40 คน โดยไม่ยอมทบทวนให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 26 กรกฎาคม 2563 และสถานการณ์โดยรวมของประเทศที่ได้คลี่คลายไปแล้ว
เป็นเหตุให้นักเรียนกลุ่มดังกล่าว ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้มีภูมิลำเนาที่จังหวัดสมุทรสาคร แต่มาจากภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ จึงไม่มีที่พักอาศัย บ้างต้องใช้พื้นที่วัด เป็นที่พักอาศัยชั่วคราว ทำให้นักเรียนจำนวนนี้ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก