โพสต์โดย : Admin เมื่อ 27 มิ.ย. 2563 11:05:31 น. เข้าชม 166534 ครั้ง
กพฐ. ชี้การปักชื่อนักเรียน ทำให้ครูจดจำนักเรียนได้รวดเร็ว อย่าเอากรณีเดียวมาตัดสินภาพรวม
เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวต้องมอง 2 ด้าน เพราะการปักชื่อนักเรียนนั้นถือเป็นการแสดงตัวตน ให้ครูสามารถจดจำนักเรียนได้ โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีนักเรียนจำนวนมาก การปักชื่อสามารถทำให้ครูจดจำนักเรียนได้รวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันข้าราชการทุกหน่วยงานยังต้องติดป้ายชื่อเพื่อแสดงตัวตน เรื่องนี้ตนขอให้มองเป็นกรณีไป ไม่อยากนำกรณีเดียวมาตัดสินทั้งภาพรวม หรือทั้งระบบ
ทั้งนี้ ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ. 2551 กำหนดไว้ว่า เครื่องแบบนักเรียน เสื้อ เป็นผ้าสีขาว แบบคอเชิ้ต หรือคอปกกลม แขนสั้น เครื่องหมายให้ใช้ชื่ออักษรย่อของสถานศึกษาปักที่อกเสื้อเบื้องขวา บนเนื้อผ้าด้วยด้ายหรือไหม โดยสถานศึกษารัฐบาลใช้สีน้ำเงิน สถานศึกษาเอกชนใช้สีแดง แม้จะไม่ระบุว่าให้ปักชื่อนักเรียนไว้ด้วย แต่โรงเรียนมีอำนาจระบุเพิ่มเติมได้
ต่อมาเพจ หนูน้อยบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว พร้อมจุดประเด็นการปักชื่อ-สกุลลงไปบนเสื้อนักเรียน ว่าควรมีการยกเลิก เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล เพราะปัจจุบันการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวทำได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก ซึ่งมีผู้แชร์และเห็นด้วยกับประเด็นดังกล่าวจำนวนมาก
โพสต์ระบุว่า "โซเชี่ยลวันนี้มีคนพูดถึงเรื่องนี้กันมากมาย เกี่ยวกับเจ้าของโพสต์ท่านหนึ่งที่ไปเจอหนังสือมือสองเล่มหนึ่งมา แต่ภายในหนังสือมีรูปติดบัตรชุดนักเรียนของหญิงสาวคนหนึ่งติดมาก็เลยมีการสืบค้นเกี่ยวกับชื่อ-นามสกุลของเธอบนโซเชี่ยล จนได้ช็อคกับสิ่งที่สืบเจอ นั่นคือเธอมีคดีทำร้ายและทารุณกรรมเหยื่อ (เชื่อว่าหลายคนคงทราบเนื้อหาจากที่แชร์ๆกันแล้ว)
แต่ประเด็นที่ดิฉันอยากจะพูดถึงก็คือ เรื่องการปักชื่อ-สกุลลงไปบนเสื้อนักเรียนค่ะ สมัยนี้การจะค้นหาข้อมูลของใครสักคนมันง่ายมากแค่รู้จักชื่อสกุล ลูกเต้าเหล่าใคร เฟซบุ๊กอะไรฯลฯ และถ้าหากเจอผู้ไม่หวังดีจะเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงมาก น่าจะดีกว่าหากเปลี่ยนไปใช้ป้ายชื่อเข็มกลัดเมื่อเลิกเรียนก็สามารถเอาออก หรือตรวจสอบจากบัตรนักเรียนแทน และเมื่อต้องการบริจาคชุดนักเรียนต่อ ก็ไม่ต้องไปเลาะชื่อออกให้เสียเวลา ทราบมาว่าหลายๆโรงเรียนก็เริ่มให้นักเรียนไม่ต้องปักชื่อกันแล้วนะคะ"
โซเชี่ยลวันนี้มีคนพูดถึงเรื่องนี้กันมากมาย เกี่ยวกับเจ้าของโพสต์ท่านหนึ่งที่ไปเจอหนังสือมือสองเล่มหนึ่งมา..