โพสต์โดย : Admin เมื่อ 7 มิ.ย. 2560 15:14:12 น. เข้าชม 166426 ครั้ง
เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พล.ท.โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการอำนวยการการขับเคลื่อนแก้ปัญหาทุจริตของศธ. เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีผู้ร้องเรียนปัญหาการทุจริตของศธ. เข้ามาจำนวนมาก โดยตนได้คัดเลือกเฉพาะเรื่องที่มีความสำคัญและต้องเร่งแก้ไข 24 เรื่องเพื่อดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริง ส่วนที่เหลือส่งให้ต้นสังกัดตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงต่อไป อย่างไรก็ตามใน 24 เรื่อง ส่วนใหญ่จะเป็นข้อร้องเรียนถึงการทุจริตของผู้บริหารสถานศึกษาและผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั้งการโยกย้ายครู การบรรจุครูผู้ช่วยสังกัดสพฐ. เป็นต้น ทั้งนี้ตนจะนำข้อร้องเรียนถึงปัญหาการทุจริตเหล่านี้มาเร่งดำเนินการแก้ไข ซึ่งเรื่องใดที่เกี่ยวข้องกับระดับผู้อำนวยการสพท. จะจี้ไปที่สพฐ. ให้ลงมาตรวจสอบ หากเรื่องใดที่เกี่ยวข้องกับผู้อำนวยการโรงเรียนลงมา จะไปจี้ผู้อำนวยการสพท. เพื่อไล่ลำดับ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ระดับผู้บริหารจะส่งให้ต้นสังกัดลงไปตรวจสอบเอง ตนจะตามตรวจสอบเฉพาะเรื่องที่เสียหายในวงกว้าง
ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการศธ. กล่าวต่อว่า เร็ว ๆ นี้ตนจะรายงาน ให้นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการศธ. รับทราบผลการดำเนินการแก้ปัญหาการทุจริตในศธ. ที่ได้รับการร้องเรียน ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ที่ได้มีการตรวจสอบและลงโทษผู้กระทำผิดแล้ว 7 เรื่องใหญ่ๆ และมีผู้อำนวยการโรงเรียน และผู้อำนวยการสพท. ที่เกี่ยวข้องถูกสั่งย้ายและตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ส่วนปัญหาการทุจริตสื่อการเรียนการสอน ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(สพป.)มหาสารคาม เขต3 ตรวจสอบใกล้เสร็จสิ้นแล้ว
“ศธ. ถูกครอบงำด้วยนักการเมืองที่มาเป็นรัฐมนตรีว่าการศธ. มานาน และแต่ละยุค เป็นไม่ถึงปี ก็ไป พอนักการเมืองเหล่านี้มาเป็นรัฐมนตรีว่าการศธ.แล้ว ทุกคนก็มากอบโกย จนข้าราชการประจำทำอย่างไรก็ได้ให้ตัวเองอยู่รอด วัฒนธรรมองค์กรกลายเป็นระบบพรรคพวก เป็นเครือข่ายการทุจริต ดังนั้นการทุจริตของศธ. ปัจจุบันจะเริ่มจากผู้กำหนดนโยบาย ลงสู่ผู้อำนวยการเขตพื้นที่ฯ โรงเรียน ตรงนี้เป็นวัฒนธรรมองค์กรแบบผิดๆ ที่ผ่านมา ซึ่งเราจะพยายามทำลายวัฒนธรรมนี้ให้ได้ ด้วยการหาคนดีเข้ามาทำงาน โดยเฉพาะตำแหน่งผู้บริหารองค์กรหลักในแต่ละแท่ง” พล.ท.โกศล กล่าวและว่า นอกจากนี้ยังมอบหมายให้นายพิษณุ ตุลสุข รองปลัดศธ. ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา( สกสค.) รวบรวม ความคืบหน้าการดำเนินคดีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น กรณีสกสค. ซื้อตั๋วสัญญามูลค่า 2,100 ล้านบาท กับบริษัทบิล เลี่ยน อินโนเวเท็ดกรุ๊ป จำกัด และกรณีที่มีการตรวจสอบพบว่า ธนาคารธนชาตมีการอนุมัติ ปิดบัญชี และเบิกถอนเงินของ สกสค.ที่ฝากไว้ไม่ถูกต้อง เป็นต้น เพื่อเร่งรัดให้มีการดำเนินคดีต่างๆ อย่างรวดเร็ว เพราะที่ผ่านมาค่อนข้างล่าช้า ส่วนความคืบหน้า ตรวจสอบการดำเนินโครงการติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) ในโครงการSafe Zone School 12 เขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งดำเนินการโดย 4 บริษัท ซึ่งสพฐ.ได้แจ้งให้มาดำเนินการติดตั้งกล้องให้ครบตามสัญญาจัดซื้อจัดจ้างแล้ว แต่พบว่า มี 3 บริษัทไม่ดำเนินการตามที่แจ้ง ดังนั้นจึงสั่งการให้สพฐ. ส่งหนังสือแจ้งเตือนให้ทั้ง 4 บริษัทมาดำเนินการติดตั้งกล้องวงจรปิดให้ครบตามสัญญา ภายใน 7 วัน ไม่เช่นนั้นจะยึดเงินประกันทั้งหมดกว่า 20 ล้านบาท และเมื่อรวมกับเงินที่ สพป.ปัตตานี เขต1 ยังไม่ได้จ่ายให้บริษัทที่ติดตั้งกล้อง เพราะกังวลว่าจะมีปัญหาการทุจริตเกิดขึ้น อีก 50 ล้านบาท จะทำให้เรามีเงินกว่า 70 ล้านบาท เพื่อไปดำเนินการจ้างบริษัทใหม่มาติดตั้งต่อไป
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก มติชนออนไลน์ วันที่ 7 มิถุนายน 2560
ขอบคุณเว็บไซต์ : http://www.kroobannok.com/82167