โพสต์โดย : Admin เมื่อ 27 ธ.ค. 2559 02:02:40 น. เข้าชม 166432 ครั้ง
สมาชิกในเว็บไซต์ Pantip.com ท่านึง ออกมาระบายเกี่ยวกับ สาขาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ นั้นเรียนยาก ใช้ความเข้าใจสูงมาก แต่เป็นเรื่องที่จับต้องไม่ได้ เหมือนสาขาอื่นๆ งานนี้พี่ๆหลายคนเข้ามาตอบ
.....................................
วิชาเรียนยากมาก ใช้ความเข้าใจทฤษฎีอย่างสูง และการศึกษา อ่านตำรา ทำโจทย์ อ่านเปเปอร์ อย่างหนัก ไม่มีแบบแทนค่าใส่สูตรแล้ว เวลาทำ thesis รู้สึกว่ามันยาก สวยงาม แต่มันเป็นเรื่องนามธรรม มองไปก็เศร้าดูแล้วมันเป็นเรื่องนามธรรมจนไม่สามารถเอาไปใช้ประโยชน์อะไรได้ ตอนเรียนมอปลายก็ถูกบอกว่าเก่งจริงต้องเรียนวิทยา พอมาเรียนก็รู้สึก สนุก ตื่นเต้น ท้าทาย แต่พอมาทำวิจัยจริงๆ มันแห้งแล้ง ดูแล้วเอาไปใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลย
ถ้าตอนนั้นเลือกเรียนแพทย์ถ้าเก่งจริงๆอาจจะสร้างวิธีการรักษาโรคเอดส์ โรคมะเร็ง ช่วยคนได้เป็นล้านๆ คน หรือถ้าทำแบบนั้นไม่ได้เป็นหมอธรรมดา รักษาคนไข้ ก็ช่วยรักษาคนได้วันละหลายคน ปีๆนึงคงช่วยคนได้มาก ไม่น่าเชื่อคำแนะของผูใหญ่บางคนเลย ตอนเด็ก
ขอเตือนน้องๆ ถ้าเรียนเก่งสอบเข้าได้ก็ไปเป็นหมอนี่แหละ ช่วยคนได้เยอะสุดแล้ว เรียน แมทพอทำวิจัยจริงวันๆอยู่แต่ number theory ไม่ได้สนุกเหมือนทำโจทย์เลขโอลิมปิกอีกต่อไป มีแต่งานวิจัยอันแห้งแล้ง rigorous
มาดูความคิดเห็นของพี่่ๆใน Pantip กันนะครับ
เริ่มใหม่ยังไม่สายนะครับ อุดมการณ์น่ายกย่องมากครับ นำความเก่งนั้นมาใช้ประโยชน์ ช่วยชีวิตผู้คนตามที่หวังตั้งใจเถอะ ครับ สาธุครับ
..................................................
ถ้าคุณเก่งพอที่จะสร้างยารักษาเอดส์หรือมะเร็ง คุณก็น่าจะเก่งพอที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ได้จากสมการคณิตศาสตร์
แต่เห็นด้วยตรงที่ ถ้าเป็นแพทย์ธรรมดา ๆ น่าจะช่วยคนได้มากกว่าเป็นนักคณิตศาสตร์ธรรมดา ๆ
................................................
ขอให้คุณหาจุดยืนของคุณได้เถิด
คุณคงเป็นคนเก่ง เรียนทางคณิตศาสตร์ แน่นอนว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เหมาะกับทุกคน ส่วนมันจะเป็นสิ่งที่ตรงกับคุณหรือไม่ผมก็ไม่รู้
เช่นเดียวกับที่เด็กเรียนแพทย์หลายๆคนนั้นมาบ่นว่าเบื่อ ไม่อยากเรียน จะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น
ระวังอย่าให้หนีเสือปะตะเข้ก็แล้วกัน
เมื่อไม่กี่ปีก่อน คนที่บ้านเขาวิจารณ์ว่า แอ๊ด ปากเกร็ด นี่เรียนผิดทาง น่าจะเรียนอักษรศาสตร์มากกว่า เห็นชอบอ่านชอบขีดขอบเขียน มีฝีมือทั้งทางร้อยแก้วและร้อยกรอง ผมหัวเราะ บอกเขาว่า เธอน่าจะดีใจเสียอีก ได้แฟนทำอะไรได้ทุกรูปแบบ เป็นนักวิทยาศาสตร์ก็เก่ง เป็นกวีก็เก่ง เลท่นกีฬาก็เก่ง เล่นดนตรีก็เก่ง ร้องเพลงก็เพราะ รูปหล่ออีกต่างหาก โชคดีที่ผมไม่แสดงวี่แววการเป็นนักคณิตศาสตร์ ไม่งั้นอาจโดนเธอยุไปทำอะไรอย่างอื่นอีกสักอย่าง
....................................................
เห็นด้วยครับ
จะเลิกเรียนเลยก็ได้หรือเรียนให้จบแล้วเรียนเพิ่มก็ดีครับ
แต่ถ้าเจอคนไข้บางคนเรียกร้องนั่นนี่ ไม่ปรับตัวอะไร ใครเป็นหมอก็คงปวดหัวมากๆเหมือนกันครับ
ก็ต้องเรียงลำดับความสำคัญของเรื่องต่างๆในชีวิตเรา ชีวิตเขาให้ดีหละ
.................................................
องค์ความรู้ที่มีอยู่ เพียงพอแล้วที่จะพลิกโลก
เหลือแค่ฝึกฝน ทำซ้ำแค่นั้น
...
คณิตศาสตร์ มันแล้งแล้งจริงๆ อย่างที่ จขกท. ว่ามานั่นแหละ
ทุกๆ คำถาม มีคนคิดมาหมดแล้ว เหลือแค่ขาดคนจับมารวมกัน
ผมเคยเสนอแนวคิดนี้ ตอนไปนำเสนอโครงงาน
โดนด่าเลยว่า เป็นความคิดที่อันตราย เพราะถ้าทุกคนคิดแบบนี้หมด ประเทศจะไม่มีการพัฒนาเลย
.
ผมเลยตอบไปว่า เอาที่สบายใจเลย
...............................................
"ตอนเรียนมอปลายก็ถูกบอกว่าเก่งจริงต้องเรียนวิทยา" แสดงว่าเก่งไม่จริงเลยโดนหลอก หรือไม่งันก็เป็นประเภทไม่รอบคอบไม่ฟังคนรอบข้างไม่หาความรู้รอบตัว ฟังแต่สิ่งที่ตัวเองชอบใจ
ปล.แต่ถ้าเก่งเลขจริงๆแต่ไม่อยากทำงานสายวิทยาศาสตร์ ก็ไปต่อโทเศรษฐศาสตร์ที่เมืองนอกแล้วข้ามมาทำงานสายการเงินครับ
..............................................
เป็นหมอเมืองไทย คุณไม่มีทางคิดสร้างนวัตกรรมเปลี่ยนโลกได้หรอก คุณจะได้แค่เดินตามแนวทางของยุโรปกับอเมริกา เค้าออก Guideline อะไรมา คุณก็มีหน้าที่ทำตามนั้น ผิดจากนั้น คือ คุณทำผิด
เพราะรากเหง้าวิชาแพทย์ของเรามาจากเค้า เทคโนโลยีอะไรต่างๆ ก็มาจากเค้า หากทำอะไรได้ที่ไหนเป็นครั้งแรกในไทย ก็ออกข่าวราวกับคนไทยคิดขึ้นมาเองซะอย่างนั้น
หากเหตุผลที่คุณเลือกเรียนและเหตุผลในการทำงานเต็มไปด้วยอุดมการณ์ต่อแล้วล่ะก้อ คุณควรมองหาข้อดีของศาสตร์ที่คุณเรียนอยู่ ว่าสามารถไปต่อยอดอะไรได้บ้าง เขียนหนังสือให้คนเข้าใจคณิตศาสตร์อย่างง่ายก็ได้ ไปเป็นอาจารย์สร้างนักคณิตศาสตร์เก่งๆขึ้นมา ประเทศจะพัฒนาได้ ต้องมีนักวิทยาศาสตร์เยอะๆ ไม่ใช่มีหมอเยอะ
ผมเชื่อว่า คณิตศาสตร์สอนให้คนมีหลักการและเหตุผล และเชื่อว่า มีนักคณิตศาสตร์ที่เก่งหนึ่งคน ดีกว่า มีหมอเป็นร้อยคน
...........................................
ฟังดูเหมือนคุณเป็นนักวิจัยทำสาขา number theory ในฐานะนักวิจัยเหมือนกันแต่ถึงจะคนละสาขา ผมก็อยากบอกว่าคณิตศาสตร์หรือแมทที่คุณว่า เป็นพื้นฐานของวิชาวิทยาศาสตร์แทบจะทุกแขนง จริงอยู่ว่าแมทสาขา number theory อาจจะมองไม่เห็นเลยว่าทำไปทำไม ไม่มีประโยชน์ แต่ผมเชื่อว่างานวิจัยทุกอย่างมันมีประโยชน์ อาจจะไม่เห็นประโยชน์ตอนนี้เท่านั้นเอง สักวันมันจะมีคนนำไปต่อยอดทำประโยชน์อื่นๆ ที่คุณบอกว่าแมทไม่มีประโยชน์ มันไม่ใช่แมทที่คุณมองไม่เห็นประโยชน์ แต่เป็นแมทสาขา number theory ผมว่าการที่คุณมองว่า number theory ไม่เป็นประโยชน์แล้วสรุปไปเลยว่าแมททั้งหมดไม่มีประโยชน์เท่ากับเรียนสาขาแพทย์ มันออกจะไม่ถูกต้องสักเท่าไหร่
เพื่อเป็นการให้กำลังใจ คุณลองดู encryption algorithm RSA เป็นตัวอย่าง ใช้พื้นฐาน number theory ทั้งนั้น จริงอยู่ว่าสุดท้ายคนคิด RSA 3 คน ได้ credit ไป แต่ถ้ามองดูจริงๆแล้ว algorithm นี้ใช้ผลงานด้าน number theory ที่ผ่านๆมาของคนอื่นๆอยู่ แต่คนเหล่านั้นแค่ไม่ได้มีชื่ออยู่ที่ "RSA" งานเหล่านั้นนี้แหละที่ทำให้ RSA เกิดขึ้นมาได้ และก็ใช้กันมากมายทุกวันนี้
คุณอาจจะบอกว่า โอเค กว่าผลงานคุณด้าน number theory มันจะมีคนหยิบไปต่อยอดกลายเป็นของใช้ประโยชน์ได้ คงอีกนาน สู้เอาเวลาไปช่วยคนแบบแพทย์ดีกว่า อันนี้พูดถูก การลำดับความสำคัญของปัญหาว่าควรทำอะไรก่อนหลังก็สำคัญ แต่นั้นก็ไม่ได้แปลว่าทุกคนต้องกลายเป็นแพทย์ คิดแบบซูมออกมากว้างๆ ผมว่าคุณก็คงเห็นด้วยว่ามันต้องมีคนทำงานด้าน number theory บ้างแหละ วงการวิจัยมันถึงไปต่อได้ ถ้าทุกคนเป็นแพทย์หมดแล้วใครจะทำ number theory? คุณอาจจะบอกก็มันไม่มีประโยชน์ไม่ต้องทำหรอก แต่คำพูดนี้จริงเหรอ? ลองคิดดู พอคิดๆดูแล้วคุณจะรู้ว่า คนที่ฉลาดพอจะทำเรื่องนี้ได้มันน้อย และทำไปก็เหมือนไม่มีประโยชน์ แต่คิดซะว่าเสียสละครับ มันสมองระดับที่ทำเรื่องพวกนี้ได้มันมีน้อยครับ แบบที่บอกไปครับว่าสักวันมันจะมีคนนำไปต่อยอด
ทำวิจัยบางทีก็ไม่จำเป็นว่าผลงานต้องขายได้เลย หรือช่วยให้คนไม่ตายได้ทันที บางทีมันทำไปเพื่อให้นักวิจัยอื่นเอาไปต่อยอด เพื่อให้กลายเป็นงานที่ยิ่งใหญ่มีประโยชน์กับคนเป็นล้านๆในอนาคตครับ
.....................................
เข้าไปต่ามอ่านทั้งหมดที่ http://pantip.com/topic/35949356