แฉผอ.รร.เก็บหลักฐานเผ่น-ล็อกห้อง หลังจนท.รุดตรวจเมืองกาญจน์ ศธจ.ชี้ชื่อซ้ำเกิดได้ทุกที่

ปูพรมตรวจร.ร.เอกชน23แห่ง

ความคืบหน้ากรณีการร้องเรียนพบทุจริตในโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.กาญจนบุรี ด้วยการสร้างนักเรียนล่องหน หรือนักเรียนผีขึ้นมา เพื่อขอรับเงินอุดหนุนรายหัวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) นั้น

นายชลำ อรรถธรรม รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) กล่าวว่า ขณะนี้ทาง สช.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ 2 คน ลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อร่วมตรวจสอบข้อมูลการทุจริตเงินรายหัวเด็กในโรงเรียนเอกชน ร่วมกับทางศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) กาญจนบุรีแล้ว โดยตนได้ขอให้เร่งดำเนินการตรวจสอบโดยเร็วที่สุด เพราะเข้าใจว่าเรื่องนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน ขณะเดียวกัน ทาง ศธจ.ยังปูพรมตรวจสอบตัวเลขเด็กซ้ำซ้อนในโรงเรียนเอกชนทั้งหมด 23 แห่งที่อยู่ในจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเบื้องต้นพบว่ามีพิรุธในบางโรงเรียน ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือไม่นั้น ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน ทั้งนี้ กรณีที่เกิดขึ้น อาจจะเกิดจากความไม่จงใจ เช่น มีรายชื่อเด็กซ้ำซ้อน ซึ่งหากตรวจสอบพบทาง สช.จะเรียกเงินคืนพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 75 และหากตรวจสอบพบว่าเป็นความตั้งใจในการทุจริตจริง ก็จะต้องดำเนินการทางกฎหมาย เป็นคดีอาญา ฐานให้ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อหน่วยงานราชการ นอกจากนี้ สช.จะทำหนังสือประสานไปยัง ศธจ.ทั่วประเทศ ขอความร่วมมือลงพื้นที่ตรวจสอบตัวเลขเด็กซ้ำซ้อนในโรงเรียนเอกชนทุกแห่งทั่วประเทศ

แจงแต่ละปีเรียกเงินคืนค่อนข้างมาก

นายชลำกล่าวว่า ปกติ สช.จะมีการตรวจสอบตัวเลขเด็กซ้ำซ้อนเป็นประจำทุกปีอยู่แล้วในช่วงเดือนมิถุนายนและเดือนพฤศจิกายน ซึ่งหากตรวจสอบพบว่าเด็กมีชื่ออยู่ในโรงเรียนมากกว่า 1 โรง สช.ก็จะแจ้งไปยังจังหวัด เพื่อตรวจสอบอีกทางหนึ่ง เพื่อดูว่าเด็กมีตัวตนจริงหรือไม่ หากไม่มี จะเรียกเงินคืนพร้อมดอกเบี้ย ซึ่งแต่ละปีมีการเรียกเงินคืนค่อนข้างมาก ส่วนเรียกคืนปีละเท่าไรนั้น อยู่ระหว่างตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการทุจริตเงินรายหัวเด็กจริง จะถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนหรือไม่ นายชลำกล่าวว่า การเพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้ง อาจกระทบถึงนักเรียนและผู้ปกครอง ดังนั้น หากพบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น คงต้องตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้อง

แฉผอ.เก็บหลักฐานเผ่น-ล็อกห้อง

ด้านแหล่งข่าวในพื้นที่ซึ่งออกมาแฉการทุจริตโรงเรียนเอกชนดังกล่าว เปิดเผยว่า กรณีมีข่าวเจ้าหน้าที่ส่วนกลางและศึกษาธิการจังหวัดจะลงพื้นที่เก็บข้อมูลจากโรงเรียนเอกชนในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี หลังมีข่าวพบการทุจริตเงินอุดหนุนในโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งนั้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวพร้อมทีมงานได้นำรถกระบะมาจอดที่หน้าโรงเรียน ก่อนขนเอกสารบางส่วนออกไป พร้อมปิดล็อกห้องทำงาน โดยไม่มีใครทราบว่าออกไปไหน หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่ของศึกษาธิการจังหวัด ซึ่งได้รับคำสั่งตรวจสอบได้มาติดต่อ ก็ไม่พบผู้บริหารโรงเรียน จึงได้เดินทางกลับไป และไม่สามารถติดต่อผู้อำนวยการคนดังกล่าวได้

กาญจน์ลุยสอบ24ร.ร.เอกชน

ที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) กาญจนบุรี ต่อมา นายจาตุรงค์ ม่วงน้ำเงิน และ น.ส.ศรีวรรณ จันทร์เชื้อ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เข้าพบนายอนันต์ กัลปะ ศธจ.กาญจนบุรี เพื่อหารือแนวทางตรวจสอบข้อเท็จจริง

นายจาตุรงค์กล่าวว่า รับทราบว่ามีโรงเรียนเอกชนนำเด็กที่ไม่มีตัวตนมาเบิกเงินอุดหนุนรายหัว ที่ได้รับการสนับสนุนจาก สช. เบื้องต้นเรายังไม่ทราบข้อเท็จจริงมากน้อยแค่ไหน จึงเดินทางมาที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) กาญจนบุรี เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งนี้ เป็นไปได้ในกรณีเด็กซ้ำซ้อนมันเกิดขึ้นได้ทุกที่ ขึ้นอยู่กับว่าทางโรงเรียนมีเจตนาอย่างไร หากตรวจพบต้องดูก่อนว่าการเบิกจ่ายเด็กซ้ำซ้อนเพราะเหตุใด หากเกิดจากข้อมูลผิดพลาด อาจเพราะเด็กลาเรียน หรือขาดเรียนแล้วแต่กรณี ทางโรงเรียนอาจจะรู้ก็ได้หรือไม่รู้ก็ได้ ซึ่งทาง สช.สามารถเรียกเงินคืนได้ แต่ถ้ามีเจตนาทุจริตโดยนำชื่อเด็กเข้ามาสวม ถ้าตรวจพบ นอกจากจะเรียกเงินคืนแล้วต้องดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญาด้วย

นายอนันต์กล่าวว่า ทาง ศธจ.กาญจนบุรีได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและลงพื้นที่ตรวจสอบโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งทันที พบว่ามีเบาะแสข้อเท็จจริงในบางส่วน ศธจ.จะตรวจสอบในเชิงลึกโรงเรียนของเอกชนใน จ.กาญจนบุรี ทั้งหมด 24 แห่ง

“จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบเป้าหมาย 2 รายคาดว่าสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจน ส่วนกรณีรายชื่อซ้ำซ้อน 20 ราย ที่พบทั้งหมดอยู่ในโรงเรียนเอกชนแห่งเดียวกันจะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ” นายอนันต์กล่าว