โพสต์โดย : Admin เมื่อ 7 ก.ย. 2566 08:24:58 น. เข้าชม 166578 ครั้ง
ร้องสอบครูบุรีรัมย์ หลอกร่วมบริจาคช่วย นักเรียน และปลอมใบอนุโมทนาบัตร...
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางบี (นาสมมติ) พนักงานบริษัทแห่งหนึ่งที่ จ.ชลบุรี ได้หอบเอกสารหลักฐานทั้งแช็ตการสนทนา สลิปการโอนเงิน รูปถ่ายนักเรียนที่ทำกิจกรรมต่างๆ เดินทางข้ามจังหวัด เข้าร้องเรียนที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 4 ซึ่งตั้งอยู่ อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ เพื่อให้ตรวจสอบเอาผิดกับ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 48 ปี ข้าราชการครูโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่งใน อ.พุทไธสง โดยกล่าวหาว่าข้าราชการครูคนดังกล่าว มีพฤติกรรมหลอกลวงให้ช่วยบริจาคเงินสนับสนุนกิจกรรม และเลี้ยงอาหารเด็กนักเรียนในโรงเรียนหลายครั้ง รวมเป็นเงินประมาณ 13,000 บาท ทั้งยังปลอมแปลงเอกสารทางราชการ ลายเซ็นอดีต ผอ.และประธานกรรมการสถานศึกษา ด้วยการออกใบอนุโมทนาบัตรปลอมให้กับผู้บริจาคด้วย นอกจากนั้นยังมีพฤติกรรมขอหยิบยืมเงินหลายครั้ง อ้างจะนำไปปล่อยกู้ต่อแล้วจะแบ่งผลประโยชน์เป็นดอกเบี้ยให้รวมเป็นยอดเงินสะสมเกือบ 200,000 บาท แต่ไม่ยอมจ่ายคืนทวงถามหลายครั้งก็บ่ายเบี่ยงอ้างโน่นอ้างนี่ตลอดทำให้ผู้ร้องได้รับความเดือดร้อน เสียหายด้วย
โดย นางบี บอกว่า ที่หลงเชื่อร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือกิจกรรม และเลี้ยงอาหารเด็กนักเรียน และยอมให้ยืมเงิน เนื่องจากสามีเขาเคยรู้จักกับอดีตสามีของตนเอง จึงไว้ใจไม่คิดว่าจะกล้าหลอกหรือโกง โดยเฉพาะเอาเด็กนักเรียนมาเป็นเครื่องมือเพื่อให้ช่วยบริจาคเงินด้วยความสงสารเด็ก และอยากทำบุญจึงช่วยบริจาค กระทั่งมาทราบภายหลังว่าเงินที่บริจาคมาทางโรงเรียนไม่รับรู้ ส่วนใบอนุโมทนาบัตรก็ปลอมขึ้น ยังโชคดีที่ตนเองไม่ได้นำไปขอลดหย่อนภาษีไม่งั้นคงมีความผิดฐานปลอมเอกสารด้วย จึงได้นำหลักฐานมาร้องเรียนกับเขตพื้นที่การศึกษาซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อให้ตรวจสอบเอาผิดทั้งระเบียบ วินัย และกฎหมาย และอยากให้รับผิดชอบคืนเงินที่ยืมไปทั้งหมดด้วย
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถาม น.ส.เอ (นาสมมติ) ข้าราชการครูที่ถูกร้องเรียน ซึ่งสอนอยู่โรงเรียนประถมศึกษาฯ แห่งหนึ่ง ก็ยอมรับว่าได้ปลอมใบอนุโมทนาบัตรจริง ด้วยการพิมพ์มาจากคอมพิวเตอร์ แล้วปลอมลายเซ็นอดีต ผอ.โรงเรียน และประธานกรรมการสถานศึกษา แต่เจตนาก็เพื่อจะทำการขอบคุณ นางบี ที่ร่วมบริจาคเงินสนับสนุนกิจกรรมการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น และไม่คิดว่าจะเกิดปัญหา แต่ยืนยันว่าไม่ได้หลอกให้บริจาคเงิน แต่เป็นการชวนร่วมสนับสนุนกิจกรรมของเด็กนักเรียน โดยตนได้นำเงินที่เขาบริจาคมาไปทำกิจกรรม และเลี้ยงอาหารเด็กนักเรียนจริง ทั้งงานกีฬา วันเด็ก และวันสำคัญต่างๆ แต่เมื่อผู้ร้องติดใจและไปแจ้งความเอาผิดกับตนเอง ก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการ
เบื้องต้นก็ได้ไปให้ปากคำกับตำรวจที่ สภ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และนำหลักฐานไปยืนยันเบื้องต้นแล้ว ส่วนที่ผู้ร้องกล่าวหาว่าตนยืมเงินนั้น ก็ยอมรับว่ายืมจริงแต่เป็นการลงทุนร่วมกัน เพราะเงินดังกล่าวนำไปปล่อยกู้ต่อ ดอกเบี้ยที่ได้ก็แบ่งกัน แต่ระยะหลังคนที่กู้ไม่ชำระตามกำหนดจึงไม่มีเงินไปจ่ายคืน ก็อยู่ระหว่างติดตามเงินจากผู้ที่กู้ และทยอยคืนให้
ขณะที่ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 4 ภายหลังรับเรื่องก็จะทำการตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริง หากพบมีมูลตามที่มีการร้องเรียนก็จะตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง และดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนต่อไป โดยจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย.