โพสต์โดย : Admin เมื่อ 9 ก.พ. 2564 02:18:32 น. เข้าชม 166464 ครั้ง
เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีผู้สูงอายุในหมู่บ้านโนนค้อ ต.โคกงาม อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น ออกมาร้องเรียนถูกขบวนการมิจฉาชีพหลอกนำบัตรประชาชนไปลงทะเบียนสวมสิทธิโครงการช่วยเหลือของรัฐบาลทั้งโครงการคนละครึ่ง และโครงการเราเที่ยวด้วยกัน แลกกับเงินสดให้แก่เจ้าของบัตร 200 บาทต่อคน โดยมี “ครูฝน” นางบุหงา สุดงูเหลือม ครูโรงเรียนบ้านโสกแต้ เป็นผู้ประสานงาน โดยอ้างกับชาวบ้านว่าเป็นการช่วยเหลือจากรัฐบาลสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่ได้ใช้สิทธิทั้ง 2 โครงการฯ และเมื่อชาวบ้านทราบความจริงว่าถูกหลอก จึงมีการเสนอเงินให้ชาวบ้านคนละ 1000-2000 บาท เพื่อเป็นการชดเชย แต่ชาวบ้านไม่ยินยอมนั้น
ล่าสุด ที่กองกำกับการสืบสวน 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 เจ้าหน้าที่เดินทางเข้าสอบปากคำ ว่าที่ ร.ต.ดร.ภูผาภูมิ โมรีย์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ในข้อหาเอาไปเสีย หรือไว้ ซึ่งบัตรหรือใบรับรอง หรือใบแทนใบรับรองของผู้อื่น เพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ, ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารใดของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และนำข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ
โดยเจ้าหน้าที่ได้นำหมายค้นไปตรวจค้นจำนวน 3 จุด คือบ้านของร.ต.ดร.ภูผาภูมิ บ้านแม่ของ ร.ต.ดร.ภูผาภูมิ และบ้านครูฝน จนได้หลักฐานซึ่งเป็นเอกสารและสมุดบัญชีรายชื่อของชาวบ้านโนนค้อ จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง ขณะนี้ร.ต.ดร.ภูผาภูมิ ยังถูกควบคุมตัวและถูกสอบสวนอยู่ โดยห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องและสื่อมวลชนถ่ายภาพ และแจ้งว่าจะมีการแถลงข่าวในวันจันทร์ที่จะถึงนี้
เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการสอบปากคำชาวบ้านที่เข้าแจ้งความรวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด พร้อมทั้งตรวจสอบข้อมูลภายในโทรศัพท์ของครูฝน หรือ นางบุหงา สุดงูเหลือม ครูโรงเรียนบ้านโสกแต้ แล้วพบหลักฐานที่เชื่อมโยงกันทางโซเชียลมีเดีย ที่พูดคุยกับ ร.ต.ดร.ภูผาภูมิ ถึงการดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการจ่ายเงินให้ชาวบ้าน ซึ่งบางส่วนตรงกับที่ได้ข้อมูลจากชาวบ้าน จึงนำมาซึ่งการจับกุมครั้งนี้ โดยครูฝนถูกตั้งข้อหาร่วมกัน ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพินัยกรรมหรือเอกสารใดของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
ด้าน นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายอำเภอบ้านฝางและนายอำเภอหนองเรือ ถึงการทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และโครงการคนละครึ่งแล้ว "จากข้อมูลยืนยันชัดเจนว่ามีผู้ร่วมขบวนการนี้ประมาณ 3-4 คน และมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องจึงได้มอบหมายให้คลังจังหวัดลงพื้นที่ประสานการทำงานร่วมกับฝ่ายปกครองและตำรวจแล้ว ในส่วนของคดีความที่ชาวบ้านได้ไปแจ้งความร้องทุกข์นั้น ทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมกำชับให้ตำรวจ สภ.บ้านฝาง และ สภ.หนองเรือ ให้พนักงานสอบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อขยายผลและรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด หากสาวถึงใครจะเอาผิดทั้งหมดไม่ว่าจะอยู่กระทรวงใดหรือพื้นที่ใดก็ตาม จากนี้ฝากไปถึงประชาชน อย่านำบัตรประชาชนไปให้ใครตามคำอ้างต่าง ๆ เพราะบัตรประชาชนนั้น เป็นการแสดงตัวตนของแต่ละคนและยังใช้สิทธิ์ในการเข้าโครงการต่าง ๆ ของรัฐ ที่ได้ช่วยเหลือประชาชนในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เช่นโครงการเราชนะ ที่จะมีการช่วยเหลือประชาชนต่อไป