โพสต์โดย : Admin เมื่อ 6 พ.ย. 2563 09:13:17 น. เข้าชม 166493 ครั้ง
ครูตีแผ่ชีวิตในชนบท ไม่ได้สวยงามแบบในโฆษณา ถนนพังเป็นหลุมเป็นบ่อหลายปี ชาวบ้านเข้าไม่ถึงหมอ ไม่มีขนส่งสาธารณะที่ดี ทางการไม่เห็นหัว
วันที่ 5 พ.ย. 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กชื่อ วันนั้นเมื่อฉันสอน ของคุณครูท่านหนึ่ง ตีแผ่ชีวิตในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ โพสต์ภาพถนนที่พังเป็นหลุม พร้อมระบุข้อความว่า ชีวิตในชนบทไม่ได้สวยงามแบบในโฆษณา
ใครที่ว่ามันเรียบง่าย สุขสบายอยากให้มาลองอยู่ มาใช้ชีวิตในบริเวณที่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว มาสัมผัสชีวิตที่ไม่มีร้านข้าว ไม่มีเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ไม่มีขนส่งสาธารณะ จะไปไหนต้องเหมารถเพื่อนบ้านไปส่ง หรือต่อให้มีรถส่วนตัวก็ต้องมาเจอถนนเฮงซวยแบบนี้
เมื่อไม่มีขนส่งสาธารณะเด็กหลายคนก็ต้องขี่มอเตอร์ไซค์กันตั้งแต่ ป.5 โดยไม่มีใบขับขี่เพื่อไปโรงเรียน ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงบนท้องถนน และทำผิดกฎหมาย บางบ้านที่มีหลายคนต้องต่อซาเล้งพ่วงข้าง เพื่อทำเป็นรถโดยสารรับส่งไว้ขนคนแก่และลูกหลานยามเจ็บไข้ได้ป่วย
เพราะขนสาธารณะไม่มีอยู่ บวกกับถนนหนทางที่บัดซบทำให้มีคนเข้าไม่ถึงการรักษาพยาบาล เด็กบางคนที่โดนหมากัดไม่สามารถไปฉีดยาได้ เพราะโรงพยาบาลอยู่ห่างออกไป 20 กิโลเมตร ไม่มีขนส่งใดใดผ่าน แม้จะฉีดยาฟรี แต่ราคาของการไปรับการรักษานั้นแสนแพง
การเดินทางเมื่อไม่มีรถไปมีวิธีเดียวคือเหมารถ และค่ารถมันครั้งละ 500 บาท ต้องไปฉีดติดต่อกัน 4 เข็ม เขาจะหาเงินมาจากไหน ดังนั้นการลุ้นเอาว่ามันจะหายเอง ลุ้นว่ามันจะไม่เป็นไรจึงง่ายกว่า เกิดเป็นคนจนมันจึงต้องเสี่ยงกันหน่อย รอดก็มีชีวิตอยู่พลาดก็ตาย ๆ ไป
เมื่อคุณจนจึงไม่มีสิทธิเจ็บป่วยเพราะถ้าป่วยก็เท่ากับถูกปล่อยให้ตาย มีเรื่องมีราวมีคดีความจะไปแจ้งตำรวจก็ไกล เรื่องเล็กน้อยก็ต้องปล่อยผ่าน ทุกอย่างจึงอยู่กันตามมีตามเกิด ด้วยเหตุนี้แต่ละบ้านจึงต้องทำงานหาเงินเพื่อออกมอเตอร์ไซค์ เพราะไม่อย่างนั้นไปไหนไม่ได้ เงินที่ควรจะได้เอาไปพัฒนาคุณภาพชีวิตส่วนอื่นก็ต้องมาหมดไปกับการขนส่งและการซ่อมบำรุง จากถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ
กลางคืนถนนหนทางมืดสนิท ผู้หญิงอย่าหวังจะกล้าขับ หน้าฝนถนนมีโคลนตมสาดเต็มกระจกหน้า ขับรถสวนกันก็ต้องหยุดให้รถเล็กไปก่อนเพราะน้ำจะกระเซ็นใส่ หน้าร้อนหน้าหนาวฝุ่นบนถนนก็คละคลุ้งจนมองไม่เห็นทาง รถมอเตอร์ไซค์ที่ขับตามหลังรถใหญ่ไปต่อไม่ได้ ฝุ่นเข้าตาและต้องสูดไปเต็มปอด ชีวิตแบบนี้หรอที่บอกว่ามันมีความสุข
ถนนเส้นนี้เชื่อมต่อโรงเรียน 3 แห่ง พังแล้วพังอีกเป็นปี ๆ โดยไม่มีทางการเห็นหัว แล้วอยากถามว่าเมื่อเป็นแบบนี้ใครจะอยากส่งลูกมาเรียน โรงเรียนที่ถนนหนทางพังๆบ้าง ทำไมการมีถนนดีดีใช้งานจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเรา ผิดเหรอที่คนบ้านนอกอย่างเราอยากมีชีวิตที่ขึ้น ผิดเหรอที่บ้านเราอยู่ตรงนี้ ทำไมมันจึงต้องเป็นการรออย่างไม่มีจุดหมาย หรือเราไม่สมควรได้รับมัน ไม่สมควรได้มีชีวิตที่ดี