ฮือไล่ผอ.อ้างกดขี่ข่มเหง ผอ.โต้ไปกันใหญ่ไม่จริง!

วันที่ 6 ต.ค.63 เมื่อเวลา 11.00 น.ชาวบ้านดอนใหญ่ ต.บ้านบัว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ กว่า 100 คน เดินทางมาที่เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์เขต 1 เพื่อยื่นหนังสือ เรียกร้องให้เขตฯย้ายนางกัลยา พร้อมโตนด อายุ 57 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านดอนใหญ่ ออกจากพื้นที่ภายใน 24 ชม.

โดยหนังสือข้อร้องเรียน กล่าวหา ผอ.ทั้งหมด 6 ประเด็น คือ 1.)ผอ.กล่าวหาโรงเรียนบ้านดอนใหญ่ เคยมีคดีข่มขืน และทะเลาะวิวาท สร้างความเสื่อมเสียให้แก่โรงเรียนและชุมชน 2.)ห้ามเยาวชนใช้สนามฟุตบอล  3.)บริหารงานโดยใช้อำนาจกดขี่ ดูถูก ไม่มีความเป็นกัลยาณมิตร เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว สร้างความอึดอัดใจ เดือดร้อน จนทำให้บุคลากรในดรงเรียนลาออกไปแล้ว 2 คน

4.)ไม่ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิ CCF คือศิษย์ปัจจุบันและศิษย์เก่า ซึ่งได้รับทุนต่อเนื่องจนจบปริญญาตรี และเป็นลูกหลานของชุมชนในเขตบริการของดรงเรียนบ้านดอนใหญ่ 5. ยักยอกไม้ไฟ่ที่ผู้บริหารคนเก่าและคณะครูร่วมกันปลูกไว้ เพื่อเป็นแนวกั้นเขตของโรงเรียน  และ 6.)กล่าวหาที่นาข้างเคียงได้รุกล้ำเข้ามายังเขตโรงเรียน ทำให้เจ้าของที่นาเสียใจ เพราะเป็นคนบริจาคที่ดินให้โรงเรียน

นายวสันต์ ตะวันหะ อายุ 41 ปี ศิษย์เก่าของโรงเรียน กล่าวว่า ที่ผ่านมาโรงเรียนกับชาวบ้านไม่เคยมีปัญหากัน หลังจาก ผอ.คนนี้เข้ามารับตำแหน่งเพียง 7 เดือน ก็เกิดปัญหาขึ้น หากชาวบ้านจะเข้าไปเกี่ยวหญ้าในสนามฟุตบอล จะต้องบริจาคเงินให้กับโรงเรียน จนชาวบ้านไม่อยากเข้าใกล้โรงเรียน

 

เช่นเดียวกับแกนนำชาวบ้านรายหนึ่ง ระบุด้วยว่า ผอ.ไม่อนุญาตให้เยาวชน เข้าไปใช้สนามฟุตบอล ทั้งที่เวลาหญ้ายาวขึ้นมาก็ขอแรงชาวบ้านเข้าไปตัดให้ โดยเฉพาะการกล่าวหาว่า ชาวบ้านรุกที่ดินของโรงเรียน สร้างความเสียใจให้กับเจ้าของที่เป็นอย่างมาก เพราะเขาเป็นคนบริจาคที่ดินให้โรงเรียน

ผู้สื่อข่าวสอบถามนางกัลยา พร้อมโตนด ผอ.โรงเรียนบ้านดอนใหญ่ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดย ผอ.ระบุว่า ทั้งหมด 6 ข้อกล่าวหา “ไม่เป็นความจริง”ตั้งแต่การกล่าวหาว่าโรงเรียนนี้เคยมีคดีข่มขืน ตนเองในฐานะ ผอ.จะกล่าวหาโรงเรียนของตัวเองทำไม กรณีห้ามเยาวชนใช้สนาม ก็ไม่เป็นความจริง ยอมรับในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ห้ามจริง เพราะกลัวโรคระบาด

 

ส่วนกรณีห้ามใช้ห้องประชุมตามข้อเรียกร้องข้อที่ 4 ไม่เป็นความจริง เพราะได้ประชุมกับคณะกรรมการสถานศึกษาแล้ว ถึงแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

สำหรับการกดขี่ข่มเหง ก็ไม่เป็นความจริง การลาออกของบุคลากรของโรงเรียน น่าจะเกิดจากเขตฯจะทำการยุบควบโรงเรียน เพราะมีนักเรียนเพียง 36 คนทั้งโรงเรียน

 

เช่นเดียวกับการยักยอกไม้ไผ่ ก็ไม่เป็นความจริง ยอมรับขายไม้ไผ่จริง เพราะต้องการปรับแต่งกอไผ่ ไม่ให้ใหญ่เกินไป แต่เงินจากการขายก็เอาเข้าโรงเรียน ไม่ได้เอาใช้ส่วนตัว

ส่วนการไปกล่าวหาว่าชาวบ้านรุกที่ของโรงเรียน ชาวบ้านอาจจะเห็นตนเข้าไปสำรวจรั้วโรงเรียน เพราะอยากได้รั้วที่ถาวรมากกว่านี้ ไม่คิดว่าเรื่องเล็กๆน้อยๆจะมาสร้างให้เป็นเรื่องใหญ่

สาเหตุที่ชาวบ้านออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้ ส่วนตัว เชื่อว่าชาวบ้านน่าจะกลัวว่าจะมีการยุบควบโรงเรียน ชาวบ้านคิดว่าตนอาจเป็นต้นเหตุที่จะทำให้โรงเรียนต้องถูกยุบ ทั้งหมดเป็นนโยบายของกระทรวงศึกษาตนไม่มีสิทธิ์ไปยุบโรงเรียนได้ ..นางกัลยา...กล่าว