โพสต์โดย : Admin เมื่อ 17 ก.ย. 2563 08:06:30 น. เข้าชม 166681 ครั้ง
เปิดแผน "ไทยมีงานทำ" ของสำนักงานก.พ. ในการเปิดรับคน 5 แสนอัตรา เข้าทำงานราชการในช่องทางต่างๆ
รายงานข่าวจาก “สำนักงานข้าราชการพลเรือน หรือ สำนักงานก.พ.” เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจถึงมาตรการ "ไทยมีงานทำ" ว่า ขณะนี้สำนักงานก.พ. ได้เสนอ “แนวทางเพิ่มโอกาสการจ้างงานผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาด ของ COVID-19 ด้วยระบบพนักงานราชการ” ประมาณ 9 หมื่นอัตรา ให้กับคณะรัฐมนตรีนำไปพิจารณาแล้ว
“เพราะเป็นเรื่องที่มีความสําคัญที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และบรรเทาสถานการณ์การว่างงานภายในประเทศ ของผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฯ ซึ่งมีแนวโน้มของผู้ว่างงานเพิ่มสูงขึ้น ทั้งผู้ที่เพิ่งสําเร็จการศึกษาและ อยู่ระหว่างหางานทํา ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนงานและ/หรือผู้ที่ถูกเลิกจ้างงานจากภาคส่วนอื่น”
เพราะสำนักงาน ก.พ. มองว่า ปัจจุบันภาครัฐมีรูปแบบการจ้างงานแบบ “สัญญาจ้าง” ที่หลากหลาย ทั้งการจ้างลูกจ้างชั่วคราว พนักงานกองทุนตามระเบียบกระทรวงการคลัง หรือ การจ้างพนักงานตามระเบียบของส่วนราชการ เช่น พนักงานกระทรวงสาธารณสุข (พกส.) พนักงานจ้างของท้องถิ่น และพนักงานมหาวิทยาลัย เป็นต้น
โดยระบบ พนักงานราชการเป็นการจ้างงานแบบสัญญาจ้างอีกรูปแบบหนึ่งตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วย พนักงานราชการ พ.ศ. 2547 ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงความทันการณ์ของการบรรเทาผลกระทบจาก COVID-19 ผ่านกลไกการจ้างงาน อีกทั้งการสนับสนุนให้ ส่วนราชการสามารถบริหารจัดการเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานตามความจําเป็นของภารกิจได้ โดยไม่มีผล ผูกพันค่าใช้จ่ายระยะยาว
ประกอบกับ คณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ (กพร.) มีการประชุมเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2563 มีมติเห็นชอบแนวทางการเพิ่มโอกาสให้กับผู้ได้รับผลกระทบ ด้วยระบบพนักงานราชการ เพื่อช่วยบรรเทาสภาวะ เศรษฐกิจ การว่างงานภายในประเทศ เน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการจ้างงานให้กลุ่มผู้สําเร็จการศึกษาและ อยู่ระหว่างการหางานทํา ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนงาน และ/หรือผู้ที่ถูกเลิกจ้างจากภาคส่วนอื่นมีโอกาสได้รับการจ้างงาน และสั่งสมประสบการณ์การทํางานในหน่วยงานของรัฐ
รวมทั้งเพื่อให้ส่วนราชการได้สรรหาบุคลากรคุณภาพ เพื่อปฏิบัติภารกิจที่มีความจําเป็นเร่งด่วนตามนโยบายรัฐบาล ภารกิจตามยุทธศาสตร์ หรือภารกิจสําคัญอื่น ของส่วนราชการ โดยมีหลักการสําคัญ คือ ไม่ใช่การจ้างงานประจํา เป็นการจ้างงานระยะสั้น และบรรจุบุคคล เข้าปฏิบัติงานให้เร็วที่สุด
“คพร. จะพิจารณาจัดสรรกรอบอัตรากําลังพนักงานราชการเป็นกรณีพิเศษ ให้แก่ส่วนราชการเพื่อจ้างพนักงานราชการได้ไม่เกิน 2 ปี คือ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 - 2565 เน้นการกระจายการจ้างงานลงสู่ระดับพื้นที่ ตลอดจนกําหนดรูปแบบการจ้าง อัตราค่าตอบแทน วิธีการสรรหา และการบริหารการจ้างเป็นการเฉพาะ เพื่อให้ส่วนราชการดําเนินการได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัว และมีประสิทธิภาพ
จึงให้แต่ละหน่วยงานพิจารณาใช้รูปแบบการจ้างงานแบบสัญญาจ้างเพื่อบรรจุเป็นพนักงานราชการในอัตราว่างตาม กรอบอัตรากําลังปกติ หรือกรอบอัตรากําลังพนักงานราชการตามแนวทางที่ คพร. เห็นชอบสําหรับการจ้างงาน ระยะสั้นไม่เกิน 2 ปี ซึ่งอาจบริหารจัดการได้จํานวนประมาณ 9 หมื่นอัตรา”
ทั้งนี้ การดําเนินการตามแนวทางดังกล่าวจําเป็นต้องได้รับการสนับสนุนเงินงบประมาณ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสําหรับการจ้างงานพนักงานราชการและจัดสรรให้แก่ส่วนราชการตามความจําเป็น โดยอาจพิจารณานําเงินงบประมาณรายจ่ายประจําปีที่ส่วนราชการได้รับจัดสรรมาใช้ หรือขอรับการสนับสนุน เงินกู้จากรัฐบาลเพื่อดําเนินการเป็นการเฉพาะ
นอกจากนี้ ในการบริหารงานพนักงานราชการให้นําแนวทาง การให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการมาใช้ เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่น คล่องตัว และสอดคล้องกับสถานการณ์ โดยไม่ ส่งผลกระทบหรือเกิดผลเสียหายต่อประสิทธิภาพ ประสิทธิผลในการปฏิบัติงาน และการให้บริการประชาชน
ส่วนความคืบหน้าในการรับบุคคลเข้าเป็นข้าราชการนั้น สำนักงานก.พ. ได้รายงานต่อ ครม.ด้วยว่า การดําเนินการสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก.)ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 สํานักงาน ก.พ. ได้วางแผนและเตรียมการจัดสอบภาค ก. ซึ่งถือว่าเป็นขั้นตอนแรกของการประเมินความเหมาะสมของบุคคลเพื่อเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือน สามัญ ซึ่งมีผู้สนใจสมัครสอบ จํานวน 5 แสนคน และจะจัดดําเนินการสอบ ในวันที่ 27 กันยายน 2563 ณ ศูนย์สอบทั่วประเทศ 15 แห่ง
ซึ่งสำนักงานก.พ.ให้แนวทางไว้ด้วยว่า กรณีที่ส่วนราชการมีอัตราว่างและประสงค์จะสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคล เข้ารับราชการเป็นการเฉพาะ สามารถดําเนินการสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตําแหน่ง (ภาค ข.) และ/หรือการสอบเพื่อวัดความเหมาะสมกับตําแหน่ง (ภาค ค.) โดยรับสมัครจากผู้ที่ยังไม่มีผลการสอบภาค ก. ก่อนได้และเมื่อดําเนินการสอบภาค ข. และภาค ค. แล้วเสร็จ สํานักงาน ก.พ. จะจัดสอบภาค ก. พิเศษ ให้แก่ ส่วนราชการ เพื่อจะได้ดําเนินการประกาศขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้และบรรจุเข้ารับราชการต่อไป ซึ่งแนวทาง ดังกล่าวจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สนับสนุนการจ้างงานของส่วนราชการให้รวดเร็วยิ่งขึ้น
“สํานักงาน ก.พ. คาดว่าการดําเนินการทั้งสองเรื่องดังกล่าวจะช่วยบรรเทาสภาพการณ์ ว่างงานภายในประเทศ โดยบรรจุบุคคลเข้ารับราชการประจํา ทั้งจากผู้ที่เพิ่งสําเร็จการศึกษาและผู้ที่ได้รับ ผลกระทบจากการว่างงาน/เลิกจ้างงาน ซึ่งภายหลังจากการดําเนินการสอบภาค ก. ในช่วงเดือนกันยายน 2563 จํานวน 521,723 คน แล้ว”
ส่วนราชการสามารถดําเนินการจัดสอบภาค ข. และภาค ค. เพื่อบรรจุ บุคคลเข้ารับราชการได้ ซึ่งจะมีตําแหน่งว่างรองรับการจ้างงานประกอบด้วย อัตราข้าราชการตั้งใหม่ที่ส่วน ราชการได้รับการจัดสรรในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562-2563 ที่ยังไม่ได้บรรจุจํานวนประมาณ 2 หมื่นอัตรา และอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการเมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 จํานวนประมาณ 8,900 อัตรา
SOURCE : www.thansettakij.com
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : TerraBKK.com - https://www.terrabkk.com/news/198921