สำหรับกรณีแก๊งครูหื่น 5 คน ที่จ.มุกดาหาร ก่อเหตุร่วมกับ 2 ศิษย์เก่า ล่อลวงขืนใจนักเรียนหญิงที่เป็นลูกศิษย์ของตัวเอง ร่วมกันรุมโทรมติดต่อกันนานนับปี
แถมถ่ายคลิปข่มขู่หากไม่ยินยอม จะต้องเรียนซ้ำชั้น!!
เมื่อครอบครัวเหยื่อรู้เรื่องจึงต้องพึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนที่ทั้ง 7 คนจะเข้ามอบตัว
ได้ประกันในชั้นศาลออกไปต่อสู้คดี
ที่น่าสลดกว่าคดีที่เลวร้ายครั้งนี้ ก็คือทัศนคติของบรรดาครูด้วยกัน ที่ออกมาให้กำลังใจชื่นชมว่าเป็นคนดี รวมทั้งความเห็นในเชิงเหยียดหยามเด็กว่าขายบริการ
ย่ำแย่ถึงขั้นยูนิเซฟแถลงประณามความเลวร้าย และความ ล้มเหลวในการปกป้องดูแลเด็ก
แต่ก็ไม่ทราบว่าในยุคสมัยเช่นนี้ จะพอกระตุกจิตสำนึกใครได้บ้างหรือไม่
และหน่วยงานที่รับผิดชอบ จะดูแลเรื่องนี้กันอย่างไร
■ ช็อก5ครู-2ศิษย์เก่าขยี้กามด.ญ.
เหตุสลดครั้งนี้ปรากฏเป็นข่าวขึ้นเมื่อวันที่ 4 พ.ค. โดยตำรวจ สภ.ผึ่งแดด จ.มุกดาหาร รับแจ้งความจากญาติของด.ญ.อายุ 14 ปี กล่าวหาว่ามีครูของโรงเรียนแห่งหนึ่งในอ.เมือง จ.มุกดาหาร จำนวน 5 คน ร่วมกับศิษย์เก่าของโรงเรียนอีก 2 คน ก่อเหตุลวงรุมโทรมขืนใจหลานสาว ที่เรียนอยู่ชั้น ม.2 นานนับปี
ก่อเหตุไปทั่วทั้งในโรงเรียน บ้านพักครู ทั้งช่วงพักเที่ยง หลังเลิกเรียน และยังถ่ายคลิปข่มขู่ให้เรียนซ้ำชั้น
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำผู้ถูกกล่าวหา พยาน และผู้เสียหาย ซึ่งได้ข้อมูลต่อมาว่า มีผู้เสียหายอีกคน เป็นนักเรียนชั้น ม.4 อายุ 16 ปี จึงส่งตรวจร่างกายและรวบรวม พยานหลักฐาน
ต่อมาวันที่ 6 พ.ค. ผู้ต้องหาทั้งหมด ประกอบด้วย 1.นายวิพจน์ แสนสุข 2.นายยุทธนา ภู่ถนนนอก 3.นายอานุภาพ บรรจง 4.ว่าที่ร.ต.สิทธินันท์ ณ หนองคาย และ 5.นายเอกลักษณ์ เกื้อหนองขุ่น ทั้งหมดเป็นข้าราชการครู และ 6.นายชนะศักดิ์ สาธุชาติ อายุ 21 ปี 7.นายพีรพงษ์ พรมมา อายุ 21 ปี ซึ่งเป็นศิษย์เก่า รวมทั้งหมด 7 คน เข้าพบพนักงานสอบสวน
เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม อันมีลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิง และเป็นการกระทำแก่ศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล และพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองเพื่อการอนาจาร
ต่อมาเจ้าหน้าที่นำตัวไปยื่นคำร้องให้ศาลออกหมายขัง ขณะที่ ผู้ต้องหาได้ประกันตัวไปในชั้นศาล
ขณะที่พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กำชับให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานด้วยความรวดเร็ว เป็นธรรม ถูกต้องตามกฎหมาย ใช้พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มาประกอบ เพราะเป็นคดีที่มีความสำคัญ
ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน
■ เปิดไทม์ไลน์สลด-มีสวิงกิ้ง
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวจากการสอบสวนทราบข้อเท็จจริงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนมี.ค. 2562 เวลาประมาณ 09.00 น. นายวิพจน์ ซึ่งเป็นครูคณิตศาสตร์ หลอกด.ญ.อายุ 14 ปี ไปข่มขืนกระทำชำเราที่ห้องพักครู ซึ่งตั้งอยู่ภายในโรงเรียน จากนั้นนายวิพจน์ได้กระทำชำเราเหยื่อเรื่อยมาเฉลี่ยเดือนละ 1-2 ครั้ง
ต่อมาวันที่ 17 ธ.ค. 2562 ที่บ้านพักครูของนายวิพจน์ เวลาประมาณ 12.00 น. นายวิพจน์นัดด.ญ.ไปกระทำชำเราอีก 1 ครั้ง จากนั้นให้นายเอกลักษณ์ และว่าที่ร.ต.สิทธินันท์ กระทำชำเราสำเร็จความใคร่คนละ 1 ครั้ง
จากนั้นวันที่ 17 ม.ค. 2563 เวลาประมาณ 13.00 น. ที่บ้านพักครูของนายวิพจน์ นายวิพจน์และนายอานุภาพ นัดเหยื่ออายุ 14 และ 16 ปี ทั้ง 2 คน มาพบ จากนั้นทั้งคู่กระทำชำเราเหยื่อสาว และสลับคู่กัน แล้วจึงชวนนายยุทธนาเข้ามาร่วมกระทำเราด้วย จากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์ จึงนัดด.ญ.วัย 14 ปี ไปหาที่บ้านพักและกระทำชำเราอีก
วันที่ 2 ก.พ. 2563 เวลาประมาณ 16.00 น. นายวิพจน์ นัดด.ญ. 14 ปี มาที่บ้านพักครู กระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ แล้วให้นายชนะศักดิ์ข่มขืนต่อ แล้วสั่งให้ด.ญ.ไปหานายยุทธนาที่บ้านพักที่อยู่ใกล้กัน แล้วให้นายยุทธนาข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ต่อ
วันที่ 21 ก.พ. 2563 เวลาประมาณ 17.30 น. นายวิพจน์ นัดด.ญ.ไปหาที่ห้องเรียนคณิตศาสตร์ กระทำชำเราด.ญ. ก่อนให้ นายพีรพงษ์ที่มาด้วยกันกระทำชำเราต่อ ด.ญ.พยายามขัดขืนแต่ สู้แรงไม่ไหว
วันที่ 4 มี.ค.2563 เวลา 14.30 น. นายวิพจน์นัดเหยื่อทั้งคู่ มาที่บ้านพักแล้วกระทำชำเราร่วมกับนายยุทธนา แล้วสลับคู่ไปมา
เป็นไทม์ไลน์ที่สั่นสะเทือนวงการครู
■ ศธ.ไล่ออก-ถอนใบอนุญาต
ขณะที่คดีอาญาดำเนินไป นายประเสริฐ บุญเรือง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะโฆษกศธ. เปิดเผยว่า ศึกษาธิการจังหวัดมุกดาหาร ออกคำสั่งให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทั้ง 5 คน ออกจากราชไว้ก่อนและตั้งคณะกรรมการสอบสอบวินัยอย่างร้ายแรง
เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง จนถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนในเรื่องกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม อันมีลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิงและเป็นการกระทำแก่ศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครอง เพื่อการอนาจาร
และมีเหตุให้พักราชการตามกฎคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ว่าด้วยการสั่งพักราชการและสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน
นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า เรื่องนี้ถือว่า ผิดจรรยาบรรณร้ายแรง เป็นสิ่งที่ ศธ. รับไม่ได้และจะไม่ปล่อยไว้อย่างเด็ดขาด ซึ่งผมกำชับหลายครั้งแล้วว่า ครูควรเป็นต้นแบบที่ดี นักเรียนเป็นลูกศิษย์ ควรดูแลเหมือนลูกหลาน ที่ควรดูแลให้ดีที่สุด ถ้าใครคิดจะทำเรื่องแบบนี้ ถือว่าไม่ใช่ครู ไม่ปล่อยไว้เด็ดขาด
นายเอกชัย กี่สุขพันธ์ ประธานคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ (กมว.) จะเสนอเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู 5 ราย ที่กระทำอนาจารเด็ก รวมทั้งตั้งกรรมการสอบให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน ส่วนผู้อำนวยการโรงเรียนซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชานั้น ก็อาจต้องพิจารณาความผิดจรรยาบรรณด้วย หากมีข้อมูลว่ารู้แล้วไม่ดำเนินการแก้ไข เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ส่วนจะได้รับโทษอย่างไรบ้างนั้น ต้องหารือรายละเอียด ทั้งนี้ส่วนตัวมองว่า กรณีผู้อำนวยการโรงเรียน รู้ข้อมูล แล้วไม่ดำเนินการแก้ปัญหา ไม่ว่าเด็กจะสมยอมหรือไม่ ก็ถือว่ามีความผิด ควรต้องเพิกถอนใบอนุญาตฯ ให้เห็นว่า ผู้บริหารที่ไม่ทำหน้าที่กำกับดูแลโรงเรียนให้สามารถจัดการศึกษาที่มีคุณภาพได้ ก็ไม่สมควรเป็นผู้บริหารอีก
เป็นเรื่องคู่ขนานกับการดำเนินคดีอาญา
■ ยูนิเซฟประณามล้มเหลวหนัก
อย่างไรก็ตามมีเรื่องน่าช็อกตามมา เมื่อเหตุการณ์ดังกล่าวถูก เผยแพร่ กลับมีเสียงให้กำลังใจจากเพื่อนครู ระบุว่าเป็นคนดีแม้จะผิดพลาด ขณะที่โลกโซเชี่ยลเองก็ระบุว่าเป็นความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ หากผู้ปกครองไม่ต้องการให้ลูกหลานถูกขืนใจก็ควรสอนเอง
ไม่เพียงเท่านั้นยังเปิดเผยข้อมูลแช็ตไลน์ ระบุเป็นการพูดคุยระหว่างเด็กหญิงด้วยกัน เพื่อพยายามจะเบี่ยงเบนประเด็นว่าเป็นเรื่องการค้าประเวณี
จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม ตั้งคำถามว่าจริยธรรมครูที่แท้จริงอยู่ตรงไหน และยังมีอยู่อีกหรือไม่
ขณะที่นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก ออกมาเตือนสติว่า กรณีนี้ เด็กเป็นเหยื่อของผู้ใหญ่ อยากให้สังคมไทยได้รับความเป็นธรรม นำคนที่กระทำความผิดเข้าสู่การลงโทษ
การละเมิดสิทธิเด็กในสถานศึกษามีตลอดเวลา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า มันบอกว่า เด็กๆ ไม่ปลอดภัยในโรงเรียนแห่งนั้น มันไม่ใช่แค่การปฏิรูปการเรียนการสอน แต่ต้องปฏิรูปจิตวิญญาณของคนเป็นครูด้วย กระทรวงศึกษาธิการต้องสังคายนาครั้งใหญ่
ครูดีมีเยอะในโรงเรียน แต่ทำอย่างไรให้ครูดีเหล่านั้นกล้าหาญกระโดดออกมาปกป้องเด็กๆ ไม่ใช่ปล่อยให้ทุกคนคิดไปหมดเลยว่าเมื่อเด็กขายบริการ ก็ไม่แปลกที่ครูจะซื้อบริการ
ซึ่งจริงๆ มันแปลก ไม่เช่นนั้นโรงเรียนก็ไม่ต่างจากซ่อง คนที่คิดแบบนี้แค่คิดก็ผิดแล้ว สังคมไม่ควรให้น้ำหนักกับพวกนี้ เพราะต่อให้เด็กขายบริการทางเพศ หน้าที่ของเราคือ ต้องดึงเด็กออกจากมุมมืดนั้นให้ได้ ไม่ใช่ทำร้ายเด็ก
องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ประณามว่าเป็นเหตุการณ์เลวร้าย ชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวในการปกป้องคุ้มครองเด็ก และควรเป็นจุดเปลี่ยนให้ทุกฝ่ายปรับปรุงการคุ้มครองเด็กในโรงเรียนโดยด่วน โรงเรียนควรเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับเด็กทุกคน หนึ่งในหน้าที่และจริยธรรมพื้นฐานที่สำคัญของสถาบันการศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษาคือการปกป้องคุ้มครองเด็กนักเรียนทุกคน
น่าจะเตือนสติใครหลายคนได้ดี