จากกรณีที่เกิดเหตุนายวรท ชูสังข์ อายุ 36 ปี อาชีพขับรถตู้รับส่ง นักเเรียน แห่งหนึ่งย่านตลิ่งชัน ได้ขับรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน ฮพ2379 กทม. ไล่ชนรถผู้อื่นที่บริเวณด้านหน้าสมาคมชาวปักษ์ใต้ ถนนกาญจนาภิเษก ขาเข้า แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพ จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือนายฐิติศักดิ์ สุขสุจิตร อายุ 15 ปี และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย คือ นายวีรพล สาแช อายุ 23 ปี ที่ขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่นแอร์ล็อค ทะเบียน 7กว 4074 กรุงเทพมหานคร กันมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา11.00 น.วันที่ 11 พ.ค. พ.ต.ท.ประเสริฐ พรมจันทร์ รองผกก. (สอบสวน) สน.ตลิ่งชัน เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังอยู่ระหว่างการเตรียมรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับ นายวรท ในข้อหาเจตนาฆ่าผู้อื่น และพยายามฆ่าผู้อื่น เนื่องจากการสอบปากคำพยานในจุดเกิดเหตุพบว่ามีเจตนาชัดเจน ไม่ใช่เป็นการขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ส่วนจะมีข้อหาอื่นร่วมด้วยหรือไม่ ต้องรอนำตัวมาสอบปากคำอีกครั้ง
พ.ต.ท.ประเสริฐ ยังเปิดเผยต่อว่า นอกจากนี้จากการสอบสวนยังพบว่าก่อนจะมาก่อเหตุชนผู้เสียชีวิต ผู้ขับขี่รถตู้คนดังกล่าว ยังได้ขับรถชนรถยนต์ในพื้น สน.ศาลาแดง เสียหายอีกหลายคัน เหตุเกิดในซอยทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก 4 ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานข้อมูลกับ สน.ศาลาแดง อยู่
ต่อมา พ.ต.ท.สิทธิกร วัชระทิพากร รอง ผกก.สส.สน.ตลิ่งชัน พร้อมฝ่ายสืบสวน เข้าตรวจสอบภายในบ้านเลขที่ 412 ซ.ทองชูสังข์ แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กทม.ซึ่งเป็นบ้านพักนายวรท ชูสังข์ อายุ 36 ปี ผู้ก่อเหตุ ที่บริเวณลานจอดรถพบ รถตู้โตโยต้า คอมมูเตอร์ ทะเบียน ฮพ 2379 กทม.มีสติ๊กเกอร์ติดที่กระจกหลังว่า รถโรงเรียน สภาพด้านหน้าและด้านหลังพังยับ แต่ไม่พบตัวนายวรท แต่อย่างใด ส่วนญาติของนายวรทที่อยู่รวมกันทั้งซอยก็ไม่ให้ความร่วมมือแต่อย่างใด ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานให้ติดต่อเข้ามอบตัวเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
ส่วนนางปุญยนุช ชูสิงข์ อายุ 35 ปี ภรรยาของนายวรท เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า แต่งงานอยู่กินกับนายวรท มานานกว่า 15 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน ซึ่งก่อนหน้านี้ตัวนายวรท เป็นคนพูดจาดีมีสัมมาคารวะไม่เคยมีพฤติกรรมก้าวร้าว แต่มาช่วง 2-3 ปีหลังเริ่มมีการทะเลาะกันและเริ่มลงมือทำร้ายร่างกายตนเอง หลายครั้ง จนครั้งล่าสุดมีการทะเลาะกันในข่วงเย็นชองวันที่เหิดเหตุ โดยนายวรท ไล่ให้ตนเองออกจากบ้าน จึงตัดสินใจหนีมาอยู่กับมารดาเพื่อรอให้สามีใจเย็น และไม่คิดว่าสามีจะมาก่อเหตุดังกล่าว หากนายวรท ยอมมอบตัวและใจเย็นลง และสัญญาว่าจะไม่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายตนเองอีก ตนเองและมารดา ก็พร้อมจะให้อภัย และพร้อมกับไปอยู่กินด้วยเหมือนเดิม