เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้เผยเคล็ดลับจากญาติที่ทำให้ลูกทั้ง 2 คนสอบติดโรงเรียนมัธยมชื่อดังในกลุ่มเฟซบุ๊กหนึ่ง ซึ่งเขาอธิบายทั้งแนวหนังสืิิอที่ใช้สำหรับฝึกหัดและวิถีการใช้ชีวิตตั้งแต่ลูกเรียนป.2 จนกระทั่งสอบเช้าม.1ได้สำเร็จ ทั้งนี้เขาแบ่งตารางการใช้เวลาพัฒนาความรู้ของลูกอย่างเข้มงวด
ในแต่ละช่วงการเรียน เขาจะติวเข้มลูกทุกเย็นเป็นเวลา 2-3 ชั่วโมง เป็นระยะเวลาที่ชัดเจน แล้วยังเน้นให้การติวแต่ละครั้งมีผลสัมฤทธิ์ที่สูงมากตามมาตรฐานที่วางไว้ อีกทั้งผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้ยังบอกเล่าความลำบากของฝั่งผู้ปกครองที่ต้องจัดสรรเวลาเพื่อใช้ประโยชน์ในการติมเข้มลูกให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
โดยโพสต์ดังกล่าวระบุใจความว่า…
**********************************************************************************************พี่น้อง 2 สาธิต (หลานสาวลูกน้องชายที่ปีนี้ก็สอบติดสาธิตเกษตรด้วยเหมือนกันครับ)
—————————————————–
วันนี้จะมาเขียนวิธีการเตรียมตัวในการสอบเข้า ม.1 รวมทั้งหนังสือที่ใช้ในการทำแบบฝึกหัด เป็นประสบการณ์ส่วนตัวครับ เพื่อเป็นแนวทางในการปรับใช้ของแต่ละครอบครัว โดยที่ลูกของน้องชายก็ใช้สูตรขยันทำบ่อย ทำซ้ำๆครับ
—————————————————–
1.ตั้งเป้าหมายโรงเรียนที่อยากเข้า (ของพ่อ-แม่ หรือ ลูก อันนี้ก็แล้วแต่) อย่าลืมแผน 2 , 3 , 4 หรือ 5 เอาไว้กันพลาด
2.วางแผนหาข้อมูล ซึ่งข้อมูลที่ได้มาก็เอามาจากในกลุ่มการศึกษานี้ รวมถึง ผปค.ที่เป็นรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์ที่มีลูกสอบติดไปแล้ว พูดให้น้อยฟังให้มาก แล้วเก็บไป คิด วิเคราะห์ แยกแยะแล้วตกผลึกเพื่อตัดสินใจ หาข้อมูลที่อยากรู้ใน GOOGLE (ต้องขยันหน่อย)
3.ลงมือทำ
– ป.2 เริ่มให้ทำเลขของราชภัฏ ทำทุกวัน เริ่ม 19.00-20.30 น. ทำ เฉลย + สอน
– ป.3 ทำเลขของราชภัฏสลับกับเลข สสวท เพิ่มวิทย์ สสวท เริ่ม 18.30-21.00 น. (ป.3 เทอม 2 เริ่มเรียนพิเศษ) เห็นโจทย์แล้วคงต้องส่งเรียนพิเศษ
– ป.4 ทำเลขของราชภัฏ+เลข สสวท+วิทย์ สสวท เริ่ม 18.30-21.30 น.(เน้นให้ลูกทำการบ้านให้เสร็จตอนที่อยู่โรงเรียน ถ้าไม่เสร็จก็รีบกลับมาทำที่บ้านให้เสร็จก่อนเริ่มทำโจทย์ ส่วนงานพวกระบายสี งานฝีมือก็ช่วยกันทำทั้ง ปู่-ย่า-พ่อ-แม่-ลูก)
– ป.5 เกมส์ทุกอย่าง มือถือ IPAD ไม่ให้เล่น อันนี้พูดขอร้องและให้มองถึงเป้าหมายที่เราจะมุ่งไป ทำเลขของราชภัฏ+เลข สสวท+วิทย์ สสวท เริ่ม 18.00-22.00 น.
– ป.6 ยังคงไว้เรื่องเกมส์ไม่ให้เล่น แต่แอบมีผ่อนบ้าง ให้เล่น 30 นาที เป็นบางวัน ช่วงขึ้น ป.6 ทำทั้ง 4 วิชา เลข วิทย์ ไทย สังคม วันละ 2 วิชา สลับกันทุกวัน เริ่ม 18.00-22.00 น. บางทีถึง 23.00 น. ก็มี
3.1 การทำข้อสอบก็จะให้ทำตามจำนวนข้อที่จะสอบจริง เช่น เลข 25 ข้อ วิทย์ ไทย สังคม 50 ข้อ แล้วจับเวลา หมดเวลาคือหมดเวลาจริงๆ ให้วางดินสอ ปากกาทันที อันนี้จะฝึกในเรื่องของการบริหารเวลาภายในตัว
4.การประเมินผล
ในการประเมินผลก็จะประเมินเป็นรายวิชาโดยคิดเป็น % ได้ โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่ 70 % ขึ้นไปทุกวิชา และจะกลับมาดูในแต่ละวิชาว่ายังไม่ได้หรืออ่อนตรงจุดไหนก็จะกลับมาทบทวนและทำข้อสอบเฉพาะเรื่องนั้นซ้ำๆ ส่วนเรื่องที่ได้แล้วก็ให้ทบทวนเสมอ
—————————————————-
เบื้องหลัง :
1.ผมเลิกงาน 17.00 น. ที่ทำงานอยู่แถว บางนาตราด กม.13 จะต้องรีบขับรถกลับถึงบ้านไม่เกิน 18.00 น.ทุกวันเพื่อที่จะมาติวและเฝ้าลูกทำแบบฝึกหัด
2.ทุกเสาร์-อาทิตย์ รวมถึงวันหยุด แฟนผมจะขับรถจากปทุมธานีวิ่งเข้ามาที่พญาไทเพื่อมาเรียนพิเศษ วันเสาร์แฟนผมเฝ้าลูก ส่วนวันอาทิตย์ผมจะเฝ้าลูกแทน ระหว่างที่รอลูกเรียนพิเศษนั้นผมนั่งตรวจการบ้านลูกจากที่เรียนพิเศษมา ดูว่าผิดตรงไหนไม่เข้าใจเรื่องอะไร โน๊ตไว้แล้วเอากลับมาสอนที่บ้านต่อ บางทีก็เอาประวัติศาสตร์มาอ่านขีดสีไว้ตรงที่สำคัญแล้วเอามาเล่าให้ลูกฟัง (ช่วงตอน ป.4 -ป.5 พาไปเที่ยว สุโขทัย อยุธยา และก็ไปดูความเป็นมาของกรุงรัตนโกสินทร์ ที่นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ใกล้กับวัดราชนัดดา จะได้ซึมซับประวัติศาสตร์ แนะนำอีกที่คือ ศาลาเฉลิมกรุงให้ไปดูเรื่องรามเกียรติ์ สนุกและได้ความรู้มีออกสอบด้วย)
3.ช่วง 3 เดือนสุดท้าย ผมกับแฟนนั่งทำสรุปข่าวดังๆที่คิดว่าจะออกสอบเอาไว้และนำมาเล่าให้ลูกฟัง (เล่าทุกวัน) อย่างเช่นคดีเสือดำอยู่ในจังหวัดใดบ้าง ระเบียงเศรฐกิจพิเศษมีจังหวัดไหนบ้างทำเกี่ยวกับเรื่องอะไร รถไฟความเร็วสูงวิ่งจากไหนไปไหน ระยะแรกทำที่จังหวัดไหนก่อน โครงการในพระราชดำหริที่เด่นๆ เรื่องสัญลักษณ์นกวายุภักษ์ (ติวแล้วแต่ตอบไม่ถูก) เป็นต้น ซึ่งบางอันก็ออกบางอันก็ไม่ออกแต่ก็ต้องพยายามให้รู้ข่าวสารมากที่สุด
4.ช่วงก่อนสอบเราทุกคนมานั่งคุยกัน ปู่-ย่า พ่อ-แม่-ลูก ว่าเราจะไม่ไปเที่ยวไหนเพราะกลัวเรื่องอุบัติเหตุ อาหารก็จะเน้นให้ปู่กับย่าทำไม่เป็นพวกแกงกะทิ แกงส้ม น้ำพริกกะปิ ที่มีความสุ่มเสี่ยงต่อท้องเสีย สุขภาพเรื่องปวดหัวตัวร้อนเป็นไข้ก็จะพยายามไม่ให้ตากแดดตากฝน เรียกได้ว่า ไข่ในหินก็ว่าได้
5. 2 อาทิตย์สุดท้ายก่อนสอบผมทำเรื่องขอหยุดไปที่โรงเรียน โดยที่โรงเรียนก็ให้ความอนุเคราะห์มาครับ ผมเลยสลับกันหยุดกับแฟนเพื่อติวลูกเรียกว่า คอร์สทะลุโค้ง
6.คืนก่อนสอบ ผม แฟน กับลูกมานั่งสวดมนต์ขอพรพระ เสร็จแล้วให้ลูกเอาน้ำมาล้างเท้าพ่อกับแม่เพื่อขออโหสิกรรมและขอพร จากนั้นกอดลูกให้แน่นที่สุดเท่าที่เคยกอดมาแล้วบอกที่ข้างหูลูกว่า “ขอให้พรุ่งนี้ทำให้เต็มที่คิดถึงวันเวลาที่เราฝ่าฟันมาด้วยกัน เหนื่อยมาด้วยกัน ขอให้สิ่งที่ลูกเรียนมาทั้งหมดได้อยู่ในสมองลูก ขอให้ลูกคิดออกทำได้อย่าได้ติดขัด ถ้าคิดไม่ออกก็ขอให้ลูกเลือกข้อที่คิดว่าใช่แล้วให้ตอบถูก ลูกทำเต็มที่แล้วไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร พ่อก็รักลูกเสมอ”
7.เพิ่มเติมตอนปิดเทอมครับ ไม่ว่าจะเทอมเล็กหรือเทอมใหญ่ เริ่มทำแบบฝึกหัดตั้งแต่ 8.00 – 17.00 น. ช่วงแรก ช่วงที่ 2 เริ่ม 19.00 -22.00 น.
——————————————————
สุดท้ายกราบขอบพระคุณ คุณครูทุกท่าน ครูอ๊อบ ครูป้อม ครูโจ้ ครูดวง ครูน้อง ครูน๊อค ครูก๊อฟ ครูลิลลี่ ครูพล ครูเอ้ ครูตาล ครูเก๋ ครูหญิง ครูปุ้ย ครูจอม ครูนพดล ครูโต ครูวิช ครูอาทิตย์ ครูเช่ ครูเล็ก ครูณัฐ ครูต้น ครูสกนธ์ ผ่องพุทธคุณและคุณครูที่ไม่ได้เอ่ยชื่อ รวมถึงกลุ่มการศึกษาแห่งนี้ ลุงตู่ ลุงไรซ์ ลุงมัง ลุงสูญญกาศ แอดมินทุกท่าน ผปค.ทุกคนที่นำข้อมูลดีๆมาแชร์ ขอบคุณจากใจจริงครับ
——————————————————
ตอบคำถามหลังไมค์ : ลูกผมไม่ได้ที่ 1 ของโรงเรียนครับ ได้ที่ 10 ของห้อง ที่ 23 ของระดับชั้น ถ้าจะทำให้ได้ที่ 1 ของโรงเรียนคงไม่ติดสาธิตปทุมวันแน่ๆ
**********************************************************************************************
หลังจากนั้นทางเพจเฟซบุ๊ก โจ๊กเกอร์ ได้นำโพสต์ดังกล่าวมาเผยแพร่ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ต ซึ่งหลายคนให้ความเห็นว่าผู้ปกครองมีความเข้มงวดกับลูกมากเกินไป อาจส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กแลละสร้างความเครียดสะสมจนเสียสุขภาพจิต และมีความเห็นหนึ่งกล่าวว่า แนวปฏิบัตินี้มาจากความล้มเหลวของระบบการศึกษาไทย อย่างไรก็ตามเจ้าของโพสต์และโพสต์ได้ถูกลบทิ้งไปเนื่องจากแรงกดดันจากชาวเน็ต