โพสต์โดย : Admin เมื่อ 10 ม.ค. 2561 10:57:08 น. เข้าชม 166394 ครั้ง
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 ม.ค. ที่ศูนย์ดำรงธรรม ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก นายสรศักดิ์ มุทาวัน ทนายความอิสระ พร้อมด้วย นายหนึ่ง (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก เข้ามาขอความช่วยเหลือกับทางเจ้าหน้าที่ โดยนำเอกสารและหลักฐานมายืนกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม หลังถูกนายสี (นามสมมติ) อายุประมาณ 50 ปีด้ข่มขืนกระทำชำเราทางทวารหนักมาตั้งแต่อายุ 13 ปี เป็นเวลาถึง 4 ปีเต็มๆ ซึ่งขณะนั้นกำลังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาชั้นปีที่ 6 โดยชายคนดังกล่าวมาชักชวนให้นายหนึ่งไปอยู่ด้วยกันที่บ้านพัก พร้อมจะส่งเสียเลี้ยงดูให้เรียนหนังสือถึง 4 ปี โดยนายสีกลับมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ ตลอดเวลาได้ลวนลามและบังคับร่วมเพศทางทวารหนักอยู่เสมอ ทำให้ไม่สามารถทนต่อพฤติกรรมดังกล่าวได้ จึงตัดสินใจเข้าร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรมเพื่อให้ช่วยเหลือ ทั้งนี้มีเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.พิษณุโลก ร่วมทำการสอบด้วย เนื่องจากกลัวถึงความไม่ปลอดภัยของเด็ก เพราะมีการพูดจาข่มขู่เอาไว้ก่อนหน้านี้
นายสรศักดิ์ มุทาวัน ทนายความอิสระ เปิดเผยว่า นายหนึ่ง เป็นลูกจ้างของร้านขายข้าวเหนียว ซึ่งอยู่ติดกับร้านขายโจ๊กของตนเอง และเคยได้ยินเพื่อนของนายหนึ่ง พูดหยอกเย้าแซวเล่นว่า “มึงเจ็บก้นแค่นี้มึงไม่ทนเหรอวะ” ตนเกิดความสงสัย จึงเรียกมาสอบถาม จนทราบความจริง เพราะก่อนหน้าที่นายหนึ่งจะมาทำงานอยู่ที่ร้านข้าวเหนียว เคยอาศัยอยู่กับนายสี และถูกล่วงละเมิดทางเพศอยู่เป็นประจำ เพราะนายสีเป็นคนส่งเสียให้นายหนึ่งเรียนหนังสือ โดยแลกกับการหลับนอนด้านประตูหลัง
ทนายความ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังพบว่ายังมีการล่อลวงวัยรุ่นที่มักจะชอบไปเล่นเกมส์ในร้านอินเตอร์เน็ต หรือเด็กติดเกมที่หน้าตาดีแต่ไม่ได้อาศัยอยู่กับพ่อแม่ โดยจะพูดจาหว่านล้อมชักชวนให้ไปอยู่ด้วยที่บ้าน มีคอมพิวเตอร์ให้เล่นเกม หรือให้เงินไปเล่นเกมตามขอร่วมกับเด็กผู้ชายทางทวารหนัก เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายสิทธิเสรีภาพของเด็ก ตนจึงต้องการช่วยเหลือเด็กเหล่านี้ จากนั้นจึงได้นำนายหนึ่งไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.เมืองพิษณุโลก เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 60 ปีที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกตัวนายสีมาสอบสวนแล้ว แต่ยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
นายหนึ่ง นักเรียน อายุ 17 ปี เปิดเผยว่า ตนเองอาศัยอยู่กับยาย แต่ไม่ใช่ยายแท้ๆ ส่วนพ่อเสียชีวิต และแม่ทำงานอยู่ต่างจังหวัด ขณะนั้นอายุ 13 ปี ติดเกมส์อินเตอร์เน็ทอย่างงอมแงม และมักจะไปนั่งเล่นเกมที่ร้านทุกวัน ต่อมามีนายสีมาที่ร้านเกมส์ พร้อมกับมาพูดคุยและชักชวนให้ไปอยู่ด้วยกัน โดยจะส่งเสียให้เรียนหนังสือและให้เงินใช้จ่ายอีก ตนจึงยินยอมไปอยู่ที่บ้านของนายสี หลังจากเข้าไปอยู่ได้ไม่นาน นายสีบังคับข่มขืนทางทวารหนัก เดือนละประมาณ 5 ครั้ง
นอกจากนี้นายสียังเคยชวนเด็กวัยรุ่นที่อยู่ต่างอำเภอ จำนวน 3 คน มานอนด้วยที่บ้าน และให้แก้ผ้าทุกคน พร้อมกับใช้มือลูบคลำตามร่างกาย โดยครั้งสุดท้ายที่ทนไม่ไหว เพราะนายสีได้ชวนให้ตัวเองเข้าห้องไปสวดมนต์ พร้อมขอมีอะไรด้านประตูด้วยอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ตนไม่ยอมจึงมีปากเสียงทะเลาะกัน กระทั่งถูกไล่ออกจากบ้าน จึงมาหางานทำตามร้านอาหารในตัวเมืองพิษณุโลก กระทั่งนายสรศักดิ์ มุทาวัน ทนายความอิสระ พาเข้าช่วยเหลือตามหน่วยงานต่างๆ
ร.ต.อ.อำนาจ อ่อนปาน รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก เจ้าของคดี เปิดเผยว่า ในส่วนของคดีความตำรวจได้ดำเนินการไปอย่างตรงไปตรงมา ได้เรียกตัวนายสีมาสอบสวนแล้ว พร้อมแจ้งดำเนินคดีตามฐานความผิดข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ ส่วนตัวเด็กนั้นได้ส่งไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลพุทธชินราช อยู่ระหว่างรอผลอย่างชัดเจนอีกครั้ง สำหรับการเข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมนั้นสามารถกระทำได้ เนื่องจากอาจเกรงกลัวถึงความไม่ปลอดภัยของเด็ก และต้องการให้ สำนักพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.พิษณุโลก เข้าไปดูแลเรื่องฟื้นฟูสภาพจิตใจเด็ก หากพบว่ามีพยานหรือหลักฐานใดๆ เพิ่มเติม จะทำการรวบรวมหลักฐานส่งสำนวนคดีให้อัยการเพื่อฟ้องศาลต่อตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป