แหล่งข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินกับบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด มูลค่ารวม 2,500 กว่าล้านบาท และในช่วงที่ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี เป็นรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ที่ประชุมคณะกรรมการ สกสค.ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนบุคลากร และผู้บริหาร สกสค.ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต ล่าสุด ได้มีการลงนามในคำสั่ง สกสค.ลงโทษไล่ออกอดีตผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ สกสค.รวม 7 คน ประกอบด้วย นายสมศักด์ ตาไชย อดีตเลขาธิการ สกสค.ที่ลงนามคำสั่งโดย นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการ ศธ.ในฐานะประธาน สกสค.เมื่อวันที่ 26 กันยายน และให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เนื่องจากนายสมศักดิ์อนุมัติซื้อตั๋วสัญญาใช้เงิน 2,500 ล้านบาท จากบริษัทบิลเลี่ยนฯ โดยมิชอบ และเป็นการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทบิลเลี่ยนฯ มีมูลเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และเที่ยงธรรม ตามสำนวนไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
แหล่งข่าวคนเดิมกล่าวอีกว่า ส่วนเจ้าหน้าที่อีก 6 คนนั้น ลงนามคำสั่งลงโทษไล่ออกโดยนายพิษณุ ตุลสุข รองปลัด ศธ.ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค.ในขณะนั้น ตามสำนวนไต่สวนข้อเท็จจริงของ ป.ป.ช.ได้แก่ 1.นายสุรเดช พรหมโชติ รองเลขาธิการ สกสค.ในฐานะกรรมการบริหารกองทุนสวัสดิการเงินกู้ฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) 2.นางปิยาภรณ์ เยาวาจา พนักงานเจ้าหน้าที่ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักสวัสดิการครู 3.นายพรเทพ มุสิกวัตร ผู้ทรงคุณวุฒิ ประจำสำนักงาน สกสค. 4.นางมยุรี ตัณฑวัล ผู้อำนวยการกลุ่มการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนสมาชิกคุรุสภากรณีคู่สมรสถึงแก่กรรม (ช.พ.ส.) 5.นายสุเทพ ริยาพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักประจำสำนักงาน สกสค.และ 6.น.ส.กัญญาณัฐ แจ่มมี ผู้อำนวยการสถานพยาบาล สกสค.
“นอกจากนี้ ยังผู้อำนวยการสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) อีก 3 ราย และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) อีก 1 ราย ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม พิจารณาอนุมัติลงโทษให้ไล่ออกจากราชการตามที่หน่วยงานต้นสังกัดเสนอ และอยู่ระหว่างการลงนามคำสั่งของ สพฐ.และ สอศ.” แหล่งข่าวคนเดิมกล่าว
ที่มา https://www.matichon.co.th/news/715200