โพสต์โดย : Admin เมื่อ 23 มี.ค. 2560 01:30:08 น. เข้าชม 166394 ครั้ง
วันนี้(22มี.ค.)ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 16/2560 เรื่อง การบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา “คำสั่งดังกล่าวยังได้มีการปรับแก้คำว่า “ขั้นเงินเดือน” ในกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เป็นคำว่า “เงินเดือน” เนื่องจากพ.ร.บ.เงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง ระบุให้ขึ้นเงินเดือนเป็นเปอร์เซ็นต์ แต่พ.ร.บ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ยังกำหนดเป็นขั้นเงินเดือนอยู่ ดังนั้น จึงต้องปรับให้เป็นระบบเดียวกับข้าราชการอื่นๆ
เมื่อวันที่ 21 มี.ค.นั้น คำสั่งดังกล่าวมีสาระสำคัญเพื่อการจัดระบบการศึกษาของชาติให้มีมาตรฐานทั้งในด้านหลักสูตรการเรียน การสอนและในด้านบุคลากรให้เหมาะสม เพื่อให้การปฏิรูประบบการศึกษาเป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับที่ผ่านประชามติ ที่รอการประกาศใช้ จำเป็นต้องปรับปรุงองค์กรกลางบริหารงาน บุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษารวมทั้งหลักเกณฑ์และเงื่อนไขอื่น ที่จะสนับสนุนการบริหารงานด้านบุคคลให้สามารถดำเนินการได้อย่างมี ประสิทธิภาพ
ปลัด ศธ.กล่าวต่อไปว่า การปรับปรุงองค์กรกลางการบริหารงานบุคคลฯ มีการปรับ 2 ส่วน คือ คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) และคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) วิสามัญ โดยในส่วนของบอร์ด ก.ค.ศ.นั้น จะทำหน้าที่เป็นบอร์ดเชิงนโยบายมากขึ้น ในหลักการเดียวกับคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และปรับองค์ประกอบของบอร์ดจากเดิม 31 คน เหลือ 15 คน ผู้ทรงคุณวุฒิจาก 9 คน เหลือ 3 คนในด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล ด้านการศึกษา และด้านกฎหมาย ส่วนผู้แทนครูและบุคลากรทางการศึกษา 12 คน
และผู้แทนจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) รวมถึงกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) จะไม่มีในบอร์ดใหม่ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้แทนครูฯ จะไปอยู่ในอ.ก.ค.ศ.วิสามัญ ที่จะมีในเบื้องต้น 3 ชุดจากเดิมที่มี 11 ชุด เพื่อทำการแทน ก.ค.ศ. ได้แก่ อ.ก.ค.ศ. วิสามัญเกี่ยวกับการอุทธรณ์และการร้องทุกข์ อ.ก.ค.ศ. วิสามัญเกี่ยวกับวินัยและการออกจากราชการ อ.ก.ค.ศ. วิสามัญเกี่ยวกับกฎหมายและระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยองค์ประกอบของอ.ก.ค.ศ.วิสามัญแต่ละชุดจะลดจำนวนเหลือไม่เกิน 15 คน จากเดิมที่เคยมีคณะละ 14-23 คน ส่วนอ.ก.ค.ศ.วิสามัญเฉพาะกิจที่มีอยู่ประมาณ 200 คณะยังคงให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
“คำสั่งดังกล่าวยังได้มีการปรับแก้คำว่า “ขั้นเงินเดือน” ในกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เป็นคำว่า “เงินเดือน” เนื่องจากพ.ร.บ.เงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง ระบุให้ขึ้นเงินเดือนเป็นเปอร์เซ็นต์ แต่พ.ร.บ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ยังกำหนดเป็นขั้นเงินเดือนอยู่ ดังนั้น จึงต้องปรับให้เป็นระบบเดียวกับข้าราชการอื่นๆ”ดร.ชัยพฤกษ์ กล่าวและว่า นอกจากนี้ คำสั่งหัวหน้า คสช.ยังให้ ก.ค.ศ.เป็นผู้ดำเนินการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการ ครูและบุคลากรทางการศึกษา เป็นการปลดล็อคการปรับระบบการสอบแข่งขัน ที่อนาคตจะให้ส่วนกลางเป็นผู้จัดสอบภาค ก หรือความรู้ทั่วไปเช่นเดียวกับการสอบ ก.พ. แต่ ก.ค.ศ.ยังสามารถมอบอำนาจให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) ดำเนินการแทนได้ ทั้งนี้ บอร์ด ก.ค.ศ.ชุดใหม่ต้องไปกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการให้ได้มาซึ่งผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนครูฯ ในอ.ก.ค.ศ.วิสามัญชุดต่างๆ ด้วย
ด้าน นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า การปรับองค์ประกอบบอร์ด ก.ค.ศ.โดยไม่มีผู้แทนครูนั้น ไม่ได้เกิดจากความขัดแย้งหรือมองว่าผู้แทนครูเป็นศัตรู แต่เพื่อให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพ สามารถปรับแก้กฏระเบียบต่าง ๆ ได้ด้วยความรวดเร็ว เพื่อผลประโยชน์ของครูอย่างแท้จริง เพราะที่ผ่านมา คสช.มีคำสั่งยกเลิก อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯแล้วก็ต้องปรับบอร์ด ก.ค.ศ.ให้สอดคล้องกัน โดยผู้แทนครูก็ไปทำหน้าที่ อ.ก.ค.ศ.วิสามัญเพื่อกลั่นกรองงานเสนอมา ซึ่งได้มีการทำความเข้าใจกันแล้วเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอีก ส่วนที่เกรงว่าจะมีการเคลื่อนไหวของผู้แทนครูนั้น ตนคงไม่ยอม ซึ่งไม่ใช่ว่าตนก้าวร้าวแต่ประเทศต้องเดินหน้าด้วยเหตุผลและกฎหมาย มิฉะนั้นคงทำงานกันไม่ได้ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่ใช่แนวคิดของตนแต่เป็นการดำเนินการต่อเนื่องตามคำสั่ง คสช.ที่มีมาก่อนหน้านี้
ที่มาของข้อมูลข่าว : เดลินิวส์